ให้กำลังใจ "ลุงตู่" สู้ต่อไป เพื่อไทยพ้นวิกฤติ

22 ก.ค. 2564 | 06:00 น.

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน โดย... ประพันธุ์ คูณมี

     เห็นคนไทยส่วนหนึ่ง ต่างก็เอาแต่บ่น ด่า ตำหนิ และ วิพากษ์วิจารณ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล กระทั่งพาลไปจนถึงด่าหมอ หรือ ตำหนิแพทย์ พยาบาล ที่บริหารจัดการรับมือกับการระบาดที่ร้ายแรงขึ้นของโควิด ไม่ได้ผลดั่งที่ใจตนคิดและต้องการ บางกลุ่มบางพวกมีพฤติกรรมเกินเลยไปถึงกระทั่ง บูลลี่ หรือ กดดัน รุมด่าคนอื่นๆ ดารา หรือ บุคคลที่มีชื่อเสียง ให้ออกมาแสดงจุดยืนร่วมด่านายกฯ ขับไล่รัฐบาลร่วมกับตน

     ใครไม่แสดงท่าทีเช่นนั้นก็รุมกันจิกด่า พูดจาให้ผู้อื่นเสียหาย ทำให้ต้องมาคิดและตั้งสติถามตนเองว่า ยามบ้านเมืองมีวิกฤติเกิดขึ้น คนในชาติควรปฏิบัติตนอย่างไร อะไรคือสิ่งที่เหมาะสมและดีที่สุดต่อสถานการณ์ ที่ควรจะเลือกปฏิบัติ ที่จะทำให้เราก้าวผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้

     การที่คนไทยเอาแต่ก่นด่า ตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่อง ช่วยกันประโคมข่าว เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ปลุกระดมประชาชนให้ออกมาก่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง ขับไล่โจมตีนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ก็ยิ่งซ้ำเติมวิกฤติของประเทศเท่านั้น มิอาจแก้ไขปัญหาใดๆ ให้บ้านเมืองดีขึ้นได้แต่อย่างใด  

     แม้ว่ารัฐบาลจะมีความบกพร่องในการทำหน้าที่อยู่บ้าง ในหลายเรื่องที่สร้างความไม่พึงพอใจแก่ประชาชน ในการรับมือกับโรคระบาดอุบัติใหม่ แต่คนไทยก็ควรช่วยกันหาวิธีแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นได้ หากเรามีความเข้าใจปัญหาและมีความเชื่อมั่นต่อคนไทยด้วยกัน เพราะคงไม่มีผู้นำประเทศคนไหนหรือรัฐบาลใด มีความสุข หรือคิดแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ทอดทิ้งไม่เอาใจใส่ประชาชน ที่กำลังเผชิญหน้ากับโรคร้าย ที่เจ็บป่วยล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ต่อหน้าต่อตานับร้อยในทุกๆ วัน

     และปัญหาวิกฤติโควิดเช่นนี้ เป็นโรคระบาดอุบัติใหม่ที่ร้ายแรงมากไปทั่วโลก ประเทศอื่นๆ ก็เคยเผชิญเจ็บป่วยล้มตายหนักหน่วงยิ่งกว่าเรามาแล้ว ซึ่งประเทศเหล่านั้นก็ต้องใช้เวลาและมาตรการต่างๆ มากมายมาจัดการ กว่าจะก้าวพ้นวิกฤติมาได้

     การให้โอกาสและเวลาแก่ผู้นำและรัฐบาล ในการแก้ปัญหาและรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ จึงเป็นความจำเป็นที่คนไทยด้วยกัน ต้องให้โอกาสและกำลังใจแก่ผู้นำและรัฐบาลของตน เพื่อสู้กับวิกฤติครั้งนี้ร่วมกัน เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่าการให้กำลังใจแก่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้ทำงาน ให้พวกเขาเข้มแข็งและมีกำลังใจ ต่อสู้กับสงครามโรคร้ายให้ชนะ การโจมตี ก่นด่า ทำลายกำลังใจกัน ปัดความรับผิดชอบ โยนความผิดใส่กันไม่ได้ช่วยอะไรให้บ้านเมืองดีขึ้นแต่อย่างใด

     บนสถานการณ์ที่วิกฤติเช่นนี้ คนไทยจึงควรเลิกโทษ เลิกตำหนิ ด่าทอกัน โยนความผิด หรือ โทษกันไปมาเถอะครับ ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งขอประกาศตัวว่า จะไม่ด่าหรือตำหนิใครๆ ขอให้กำลังใจรัฐบาล และ นายกรัฐมนตรี แพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกๆ คน รวมถึงพี่น้องประชาชนในชาติ ขอให้มีกำลังใจทำงาน มีสติและมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาต่อไป อย่าได้ย่อท้อหมดกำลังใจ นำพาประชาชน และประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้เถอะครับ  

     ยังมีคนไทยอีกจำนวนมากกว่าครึ่งค่อนประเทศ ที่คิดแบบผู้เขียนและพร้อมให้กำลังใจรัฐบาล เพียงแต่คนเหล่านั้นไม่แสดงออก และไม่ต้องการออกมาซ้ำเติมปัญหาของบ้านเมือง เพราะพวกเขาเห็นว่า ขับไล่นายกฯ ยุบสภา เปลี่ยนรัฐบาลไปในยามนี้ ก็ไม่สามารถแก้วิกฤติโควิดที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ขณะนี้ไปได้นั่นเอง

     การประกาศให้กำลังใจรัฐบาลและนายกฯ กับเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ก็มิใช่ต้องเชลียร์กันไปแบบไม่ลืมหูลืมตาครับ เมื่อนายกฯ ประกาศว่าจะยืนหยัดต่อสู้กับวิกฤติครั้งนี้ แบบไม่ท้อไม่ถอยไม่ถอดใจ ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ก็ขอให้สู้แบบเป็นมวยไม่ใช่แบบมวยวัดก็แล้วกัน จัดทัพจัดขบวนใหม่ในการรับศึกกับสงครามโรคครั้งนี้ได้ไหม และต้องรับฟังความคิดเห็นดีๆ มาปรับปรุงตนเองด้วย เพราะคนเชียร์คนให้กำลังใจเห็นว่า ยังมีหลายเรื่องที่ชกไม่เข้าเป้าครับ สิ่งที่ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างยิ่งก็คือ 

     1.ปรับการทำงาน การบริหารจัดการเพื่อรับมือกับโควิดเสียใหม่ ไม่รวบอำนาจ ให้มีการกระจายอำนาจ แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้รัฐมนตรีแต่ละท่านรับผิดชอบในแต่ละเรื่อง เช่น การจัดหาวัคซีน เรื่องยาเวชภัณฑ์ การรักษาพยาบาล เรื่องเศรษฐกิจการค้าขาย ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของประชาชน และอื่นๆ ต้องให้ ครม.มีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกัน แบ่งหน้าที่กันทำ ไม่ต้องโยนความผิดโทษกันไปมา

     2.ปรับปรุงงานด้านการข่าวและการสื่อสารกับประชาชนใหม่ เพราะต้องยอมรับว่า แนวรบด้านนี้ของรัฐบาลแย่ครับ สื่อสารสับสนไม่ทันเกมปล่อยให้ข่าวปลอม ข่าวเท็จ ข่าวโจมตี ขยายความด้านลบกับรัฐบาลเกลื่อนเมือง ทีมโฆษกรัฐบาลต้องเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับวิธีทำงานใหม่ ไม่ใช่เหลือเพียงแรมโบ้อีสาน คนเดียวที่คอยเป็นปากเสียงให้นายกฯ จัดทีมใหม่เสริมคนเถอะครับ คนดีคนเก่งคนมีความรู้ความสามารถด้านนี้ มีเต็มบ้านเต็มเมือง ขอร้องเชิญมาช่วยงานด้านนี้ได้

     3.รัฐบาลและผู้นำต้องเข้าถึงประชาชน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ที่ใดที่ประชาชนเดือดร้อน ทุกข์ยาก ต้องเร่งรีบเข้าหา และจัดการปัญหาให้ประชาชน ยิ่งยากลำบาก ยิ่งต้องเข้าไปดูแล อย่าปล่อยให้ประชาชนรู้สึกว่าตนถูกเท ถูกทิ้ง ถูกปล่อยให้อดอยาก หรือล้มตายโดยไร้การเหลียวแลโดยเด็ดขาด

     4.การแก้ปัญหาใดๆ ที่เกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชน หรือเพื่อการจัดหาจัดการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาโควิด ไม่ว่าเรื่องยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือตรวจ วัคซีน และอื่นๆ ต้องลดขั้นตอนราชการลง ให้รวดเร็วทันกาล แต่ถูกต้องปลอดภัย ไม่คอร์รัปชัน ส่วนใดเปิดเสรีให้เอกชนทำได้ ควรรีบดำเนินการ

     5.ต้องรวมศูนย์งบประมาณ เพื่อใช้จ่ายในการแก้ปัญหาและรักษาชีวิตประชาชน ยา เวชภัณฑ์ ที่จำเป็นต้องให้ประชาชนเข้าถึงง่าย สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทยที่มีผลต่อการรักษาและได้ผล ต้องส่งเสริมสนับสนุนเป็นลำดับต้นก่อนภูมิปัญญาตะวันตก ต้องให้ประชาชนพึ่งตนเอง ป้องกันและควบคุมโรคได้

     6.ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน คนหาเช้ากินค่ำ ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไป และรัฐบาลต้องเอาใจใส่แก้ปัญหาเป็นพิเศษ อย่าให้พวกเขารู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง และเลือกปฎิบัติโดยไม่เป็นธรรม ทุกมาตรการของรัฐต้องมีการเยียวยารองรับ

     ทำให้ได้แค่นี้ และทำโดยเร่งด่วนทันทีเถอะครับ เชื่อว่าปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายและดีขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้ครับ