โลกจับตาอิหร่านเอาคืน รอสภาความมั่นคงเคาะปิดช่องเเคบฮอร์มุซ

23 มิ.ย. 2568 | 01:02 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2568 | 01:16 น.

อิหร่านประกาศพร้อมตอบโต้ หลังถูกร่วมโจมตีนิวเคลียร์ รัฐสภาหนุนปิดช่องแคบฮอร์มุซ เหลือเพียงสภาความมั่นคงตัดสินใจขั้นสุดท้าย

โลกเตรียมรับมือการตอบโต้ของอิหร่าน หลังสหรัฐฯ โจมตีเป้าหมายโครงการนิวเคลียร์หลักของอิหร่าน ร่วมกับอิสราเอล ในปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดของชาติตะวันตกต่อสาธารณรัฐอิสลามนับตั้งแต่การปฏิวัติในปี 1979

อิหร่านให้คำมั่นว่าจะปกป้องตนเอง หนึ่งวันหลังจากที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดทำลายบังเกอร์ลงบนภูเขาเหนือโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ของอิหร่าน ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ เรียกร้องให้อิหร่านยุติการตอบโต้ และมีผู้ประท้วงต่อต้านสงครามจำนวนหนึ่งปรากฏตัวในหลายเมืองของสหรัฐฯ

อิหร่านจ่อปิดช่องเเคบฮอร์มุซ 

สถานีโทรทัศน์ Press TV ของอิหร่านรายงานว่าการปิดช่องเเคบฮอร์มุซ จะต้องได้รับการอนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุด ซึ่งนำโดยบุคคลที่แต่งตั้งโดยผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี

ความพยายามปิดช่องเเคบฮอร์มุซ เพื่อขัดขวางการส่งออกน้ำมันจากอ่าวอาจทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูง ฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก และนำไปสู่การปะทะกับกองเรือที่ 5 ขนาดใหญ่ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งประจำการอยู่ในอ่าวและมีหน้าที่ดูแลให้ช่องแคบยังคงเปิดอยู่

ราคาน้ำมันดิบเบรนต์และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมในวันอาทิตย์ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนต์เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 80.28 ดอลลาร์ ขณะที่น้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.89 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 76.73 ดอลลาร์

สถานการณ์ดังกล่าว ดูเหมือนจะเข้าใกล้การดำเนินการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากน้ำมันและก๊าซราว 20% ของโลกไหลผ่านช่องแคบแคบ ๆ ที่เชื่อมอ่าวเปอร์เซียกับโลกส่วนอื่น

นี่เป็นเพียงหนึ่งแนวรบ แต่เป็นแนวรบที่อาจมีผลทางเศรษฐกิจมากที่สุด หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์สั่งโจมตีไซต์นิวเคลียร์ของอิหร่านสามแห่ง และดึงสหรัฐฯ เข้าสู่สงครามที่กำลังดำเนินอยู่

ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังสงสัยว่า อิหร่านจะดำเนินการจริงหรือไม่ เนื่องจากประเทศนี้เคยขู่จะปิดช่องแคบช่องเเคบฮอร์มุซ หลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ในอดีตมักเลือกใช้สร้างผลกระทบน้อยกว่า

จับตาฉากทัศน์เลวร้ายที่สุด

นักเศรษฐศาสตร์จับตาช่องแคบอย่างใกล้ชิด เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจทั่วโลกนักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส (JPM) ระบุว่าการปิดกั้นที่นั่นเป็น ฉากทัศน์เลวร้ายที่สุด และคาดว่าผลลัพธ์อาจทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกพุ่งขึ้นถึง 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และดันเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ขึ้นถึง 5%

แต่ตามที่คอลัมนิสต์ด้านพลังงานของบลูมเบิร์ก ย้ำเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อิหร่านได้รับประโยชน์จากการใช้เจ้าหน้าที่ระดับล่างพูดถึงการปิดฮอร์มุซ เพราะเป็นการสร้างความไม่มั่นคง แต่การดำเนินการจริงจะสร้างความเสียหายต่ออิหร่านเอง

ที่น่าสังเกตคือ ในความเป็นจริง การปิดช่องแคบอาจจะส่งผลต่อภาคน้ำมันของอิหร่านเอง และตัดแหล่งรายได้สำคัญของผู้นำประเทศ เนื่องจากอิหร่านใช้เส้นทางเดินเรือนี้ในการส่งออกพลังงานของตนเอง ซึ่งในปี 2023 มีปริมาณมากกว่า 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามข้อมูลของ CEIC

โนอัม เรย์แดน ผู้ศึกษาเรื่องพลังงานและความเสี่ยงทางทะเลที่สถาบันวอชิงตันเพื่อยุทธศาสตร์ตะวันออกกลาง ระบุในบทสัมภาษณ์กับ Yahoo Finance เมื่อสัปดาห์ก่อนการโจมตีว่า หากการผลิตน้ำมันและท่าเรือของอิหร่านเสียหายหนัก จึงจะพิจารณาอย่างจริงจังได้ว่าอิหร่านจะปิดช่องแคบหรือไม่

แต่จนถึงขณะนี้ สถานการณ์ดูเหมือนจะยังไม่เป็นเช่นนั้น เเม้อิสราเอลจะโจมตีโรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่งในเตหะราน แต่ดูเหมือนโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของประเทศยังคงอยู่โดยส่วนใหญ่

น้ำมันส่วนใหญ่ของอิหร่านส่งไปยังจีน แต่การปิดช่องแคบฮอร์มุซจะส่งผลต่อแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่หลากหลายมากขึ้น เนื่องจากซาอุดีอาระเบีย คูเวต อิรัก และประเทศอื่น ๆ ใช้เส้นทางเดินเรือนี้เช่นกัน

สถานการณ์โดยรวมทำให้ฝ่ายบริหารของทรัมป์แสดงความมั่นใจว่า อิหร่านจะไม่เลือกทางเลือกปิดช่องแคบฮอร์มุซ  รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ กล่าวในรายการของ Fox News ว่า การที่อิหร่านปิดช่องแคบจะเป็น ความผิดพลาดร้ายแรงอีกครั้ง และยังมีทางเลือกในการจัดการกับเรื่องนั้น