"เจฟฟ์ เบซอส" เทขายหุ้นแอมะซอน หาทุนบุกอวกาศ

06 พ.ค. 2564 | 10:06 น.

"เจฟฟ์ เบซอส" สร้างความฮือฮาในตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ ด้วยการเทขายหุ้นบริษัท แอมะซอน ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซ มูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ เชื่อว่าส่วนหนึ่งเพื่อนำเงินไปทุ่มบุกเบิกธุรกิจด้านอวกาศที่กำลังตั้งไข่และมีคู่แข่งเขี้ยวลากดิน

สื่อต่างประเทศรายงานอ้างอิง OpenInsider ระบุว่า นายเจฟฟ์ เบซอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอมะซอน (Amazon) ได้ขายหุ้นของบริษัทตนเองเป็นมูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ตามรายงานที่ยื่นต่อ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC)

รายงานระบุว่า นายเบซอสขายหุ้นแอมะซอนมูลค่าประมาณ 1,270 ล้านดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 พ.ค.) ก่อนจะขายหุ้นอีกมูลค่าราว 684 ล้านดอลลาร์ในวันอังคาร (4 พ.ค.) ทำให้ยอดรวมการขายหุ้น 2 วันของนายเบซอสอยู่ที่ประมาณ 1,950 ล้านดอลลาร์

เจฟฟ์ เบซอส

การขายหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่แอมะซอนรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปีแล้วราว 1 สัปดาห์ ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีทอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจของบริษัทยังคงได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมด้านอี-คอมเมิร์ซที่พุ่งขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นายเบซอสได้เร่งขายหุ้นของตนเอง โดยเมื่อเดือนก.พ.2564 เขาได้ขายหุ้นมูลค่าเกือบ 4,100 ล้านดอลลาร์ และในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว (2563) นายเบซอสได้ขายหุ้นแอมะซอนมูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ นายเบซอสเคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า เขาได้ขายหุ้นแอมะซอนมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ทุกปีเพื่อเป็นทุนสนับสนุนบริษัทสำรวจอวกาศ “บลู ออริจิน” (Blue Origin) ของเขา ซึ่งยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 พ.ค.) บลู ออริจิ้น เพิ่งประกาศเปิดตัวนักบินอวกาศกลุ่มแรกของบริษัทที่จะเดินทางขึ้นสู่อวกาศในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งข่าวระบุว่าน่าจะเป็นเดือนกรกฎาคม

นอกจากนี้ นายเบซอสยังจัดสรรเงินทุนเพิ่มเติมให้กับกองทุน Day One Fund ซึ่งเป็นองค์กรที่นายเบซอสก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนก.ย. 2561 เพื่อให้การศึกษาในชุมชนของผู้มีรายได้น้อย และแก้ปัญหาคนไร้บ้านด้วย

ข่าวระบุว่า ธุรกิจเกี่ยวกับอวกาศของภาคเอกชนในสหรัฐอเมริกากำลังมีการแข่งขันที่ดุเด็ดเผ็ดมันเนื่องจากการกระโดดเข้ามาสู่สังเวียนของ 2 อภิมหาเศรษฐีระดับโลกที่รัศมีความดังไม่มีใครแพ้ใคร หนึ่งในนั้นคือนายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งบริษัทแอมะซอน ที่กำลังมุ่งปลุกปั้นบริษัท บลู ออริจิน ดังกล่าวข้างต้น ขณะที่คู่แข่งของเขาคือนายอีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทสลา (Tesla) และสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ที่กำลังมุ่งหน้าทำทัวร์สำรวจอวกาศเช่นกัน

การแข่งขันเพิ่มอุณหภูมิดุเดือดเมื่อ องค์การอวกาศสหรัฐฯ หรือ นาซ่า (NASA) ประกาศให้สเปซเอ็กซ์ของนายอีลอน มัสก์ เป็นผู้ชนะประมูลโครงการสร้างยานอวกาศของเอกชนเพื่อส่งมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์

เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานเมื่อวันจันทร์ (3 พ.ค.) ว่า บริษัทบลู ออริจินของเบซอส ได้ยื่นอุทธรณ์การตัดสินใจดังกล่าวของนาซ่า ต่อสำนักงานตรวจสอบด้านความโปร่งใสของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ Government Accountability Office (GAO) โดยกล่าวหาว่า นาซ่าปรับเงื่อนไขการประมูลอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้สเปซเอ็กซ์ชนะและได้โครงการนี้ไป

ในเอกสารที่ยื่นต่อ GAO ความยาว 50 หน้า บลู ออริจิน ระบุว่า การตัดสินใจอย่างไม่เป็นธรรมของนาซ่า เป็นการทำลายโอกาสของคู่แข่ง อีกทั้งยังทำให้เกิดความล่าช้าและเป็นอันตรายต่อความพยายามของสหรัฐที่จะส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์อีกครั้ง

ที่ผ่านมา ทั้งบริษัท บลู ออริจิน และบริษัท สเปซเอ็กซ์ ต่างพยายามแย่งชิงความเป็นผู้นำในอวกาศ และโครงการของนาซ่าที่จะส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ภายในปีค.ศ. 2024 ถือเป็นเค้กก้อนใหญ่ที่ทั้งสองบริษัทนี้ต่างก็ต้องการครอบครอง เพียงแต่ในขณะนี้ ดูเหมือนว่า สเปซเอ็กซ์ของนายมัสก์ กำลังนำหน้าบลู ออริจิน ของนายเบซอสอยู่หลายช่วงตัว และยิ่งสเปซเอ็กซ์ชนะการประมูลโครงการดังกล่าวก็ยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างสองบริษัทนี้ขยายกว้างยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง