เอกชนหวังเศรษฐกิจปี69ไม่ทำอสังหาฯสะดุดหลังโค้งท้ายเปิดตัวกระฉูด

17 ธ.ค. 2568 | 05:08 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ธ.ค. 2568 | 05:14 น.

อสังหาฯหวังเศรษฐกิจปี 69  ไม่สะดุด  หลัง เดือนพ.ย.68 เปิดตัวกระฉูด 43 โครงการ สูงสุดในรอบ 1 ปี คาดตลาดกระเตื้องขึ้น

KEY

POINTS

  • ช่วงท้ายปี 2568 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลกลับมาคึกคัก มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบจากผู้ประกอบการรายใหญ่
  • แม้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก แต่อัตราการขายได้เฉลี่ยในเดือนพฤศจิกายนกลับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
  • ภาคเอกชนมีความกังวลว่าหากเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ยังคงซบเซาและปัจจัยการเมืองไม่ชัดเจน อาจส่งผลกระทบให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงได้

 

 

ความคาดหวังเศรษฐกิจไทยในปี2569 อยากเห็นการขยายตัวของเศรษฐกิจเติบโต แต่หากซบเซาต่อเนื่อง การเมืองไม่ชัดเจน อาจฉุดตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวได้ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส  สะท้อน เดือนพฤศจิกายน ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เปิดตัวโครงการใหม่ค่อนข้างคึกคักอีกครั้ง            

โดยมีจำนวน 43 โครงการ เพิ่มขึ้น 15 โครงการ จากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนหน่วยขาย มูลค่าโครงการ และราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งการเปิดขายใหม่ในเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นการเปิดขายในกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบเป็นหลัก

 

โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ลักษณะการเปิดตัวในเดือนนี้เป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งหมด มีจำนวนหน่วยขายเปิดใหม่รวม 6,018 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 62,182 ล้านบาทจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 6,018 หน่วย เพิ่มขึ้นจำนวน 613 หน่วย (เดือนตุลาคม 2568 มีจำนวน 5,405 หน่วย) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 11.3%

ในเดือนนี้การเปิดตัวโครงการใหม่พบว่าร้อยละ 94 ยังคงเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่และบริษัทในเครือที่ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด โดยเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวที่ระดับราคาค่อนข้างสูงถึงระดับราคาสูงเป็นหลัก ส่วนอาคารชุดเน้นพัฒนาที่ระดับราคาค่อนข้างถูก ส่วนทาวน์เฮ้าส์เน้นพัฒนาที่ระดับราคาปานกลางค่อนข้างถูกถึงปานกลาง และบ้านแฝดเน้นพัฒนาที่ระดับราคาปานกลางถึงระดับราคาค่อนข้างสูง

ตลาดอสังหาฯ

เมื่อพิจารณาถึงอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้ มีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 10.6% ซึ่งลดลงจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 22.8% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการได้สูงสุด คืออาคารชุดที่ ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 255 หน่วย-ขายได้แล้ว 76 หน่วย (30%) รองลงมา คือ ทาวน์เฮ้าส์ที่ระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 54 หน่วย ขายได้แล้ว 15 หน่วย (28%) และอาคารชุดที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 389 หน่วย ขายได้แล้ว 106 หน่วย (27%)

ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) มีจำนวน 13 บริษัท คือ บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัทแอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัทเก้ามงคล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัทบริทาเนีย จำกัด (มหาชน)

บริษัทพราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปและบริษัทในเครืออีกจำนวนหนึ่งเพียง 6% เท่านั้นในแง่จำนวนหน่วย แสดงว่าสินค้าเกือบทั้งหมดพัฒนาโดยบริษัทมหาชน บริษัทเล็กๆ แทบไม่มีที่ยืนในตลาดที่อยู่อาศัย ในขณะที่บริษัทมหาชนก็ต้องพยายามปรับตัวเพื่อขายสินค้าให้ได้ ทั้งนี้ บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดตัวมากเป็นอันดับหนึ่ง

คาดว่าทั้งปี 2568 จะมีหน่วยขายใหม่เป็น 44,500 หน่วย เท่ากับลดลง 28% จากปีก่อนที่เปิดตัว 61,453 หน่วย และในแง่มูลค่าการพัฒนาในปี 2568 น่าจะเป็นเงิน 317,000 ล้านบาท เท่ากับลดลง 23% จากปีก่อนที่เปิดตัวรวมเป็นเงิน 413,773 ล้านบาท ตลาดอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไม่ได้ลดลงฮวบฮาบเช่นที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจถดถอยต่อเนื่อง ตลาดอสังหาฯ ในปี 2569 ก็อาจซบเซาลงได้

 

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,158 วันที่ 18 - 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568