KEY
POINTS
การลงทุนใน “แบรนด์เรสซิเดนซ์” กำลังกลายเป็นกระแสใหม่ที่พลิกภูมิทัศน์ตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูทั่วโลก จากอดีตที่เคยเป็นเพียงโครงการเฉพาะกลุ่ม วันนี้กำลังขยายตัวอย่างก้าวกระโดด และที่สำคัญ ศูนย์กลางของตลาดไม่ได้หยุดอยู่ที่อเมริกาเหนืออีกต่อไป แต่กำลังเคลื่อนตัวมายังเอเชียและตะวันออกกลาง — โดยมี “ประเทศไทย” เป็นหนึ่งในทำเลที่ได้รับการจับตา
รายงาน The Residence Report 2025 โดยไนท์แฟรงค์ ชี้ว่าจำนวนโครงการแบรนด์เรสซิเดนซ์ทั่วโลกเติบโตจากเพียง 169 โครงการเมื่อปี 2011 พุ่งขึ้นแตะ 611 โครงการในปัจจุบัน และคาดว่าจะทะยานเกิน 1,000 โครงการภายในปี 2030 สะท้อนความนิยมที่ขยายจากการอยู่อาศัยของคนกลุ่มบนไปสู่การลงทุนเชิงพอร์ตที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ
แม้อเมริกาเหนือยังคงเป็นตลาดใหญ่ แต่สัดส่วนเริ่มลดลง ขณะที่ตะวันออกกลางก้าวขึ้นมาเป็นตัวละครสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบียที่ดึงดูดนักพัฒนาและนักลงทุนคิดเป็นสัดส่วนกว่า 26% ของโครงการใหม่ ส่วนเอเชีย-แปซิฟิกยังคงเป็นเสาหลักที่ขับเคลื่อนดีมานด์ โดยไทย อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม “ศูนย์กลางเกิดใหม่”
สำหรับประเทศไทย จุดแข็งไม่ได้อยู่ที่ชายหาดสวยหรือแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น แต่คือการพัฒนาในรูปแบบมาสเตอร์แพลนที่ผนวกบริการโรงแรม การจัดการแบบโฮสพิทาลิตี้ และการสร้างคอมมูนิตี้ครบวงจร ซึ่งตอบโจทย์ทั้งกลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและนักลงทุนที่มองหากระแสรายได้ประจำ ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายสนับสนุนวีซ่าระยะยาว ก็ช่วยหนุนให้ไทยยิ่งเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ
นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ระบุว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดแบรนด์เรสซิเดนซ์ที่น่าจับตามองที่สุดในเอเชีย ได้รับความสนใจจากทั้งนักพัฒนาและนักลงทุน ด้วยศักยภาพทำเล ไลฟ์สไตล์ และจำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบรนด์เรสซิเดนซ์จะช่วยยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัย และตอกย้ำบทบาทของไทยบนเวทีโลก
ทั้งนี้ รายงานยังชี้เทรนด์ใหม่ที่ชัดเจนขึ้นคือ “Wellness & Longevity” และ “Green Design” โครงการยุคใหม่จึงไม่ได้ขายเพียงบ้านหรือคอนโด แต่ขายคุณภาพชีวิตในระยะยาว ตั้งแต่บริการเวลเนส ศูนย์สุขภาพ ไปจนถึงระบบบ้านอัจฉริยะที่ลดการใช้พลังงาน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้ซื้อกลุ่ม UHNWI และนักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญ
โดยโอกาสสำหรับนักพัฒนาคือการจับมือกับแบรนด์โรงแรมระดับโลกเพื่อสร้างมูลค่าและเข้าถึงฐานลูกค้าสากล ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งต้นทุนการบริหารที่ซับซ้อน ความเสี่ยงซัพพลายล้นในบางตลาด และปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง
อย่างไรก็ตาม รายงานยังคาดการณ์ความเสี่ยงที่ผู้เกี่ยวข้องต้องระวังอย่างจริงจัง ได้แก่
ซึ่งสำหรับประเทศไทยแล้ว “หน้าต่างแห่งโอกาส” ยังคงเปิดกว้าง หากสามารถสร้างโครงการที่ผสมผสานแบรนด์ ความเป็นอยู่ และการลงทุนเข้าด้วยกันได้อย่างสมดุล ประเทศไทยอาจก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางแบรนด์เรสซิเดนซ์ของเอเชียในไม่กี่ปีข้างหน้า