ตลาดแบรนด์เรสซิเดนซ์โตต่อเนื่อง ไทยติดโผฮับอสังหาฯลักชัวรี

27 ก.ย. 2568 | 11:40 น.

ตลาดแบรนด์เรสซิเดนซ์ขยายตัวต่อเนื่องทั่วโลก โดยเฉพาะเอเชียและตะวันออกกลาง ไทยเป็นจุดหมายอสังหาฯลักชัวรีที่ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนและผู้บริโภคกำลังซื้อสูง

KEY

POINTS

  • ตลาดแบรนด์เรสซิเดนซ์ทั่วโลกเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยศูนย์กลางของตลาดกำลังเคลื่อนย้ายจากอเมริกาเหนือมาสู่เอเชียและตะวันออกกลาง
  • ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน "ศูนย์กลางเกิดใหม่" (Emerging Hub) ของตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูที่น่าจับตามองที่สุดในเอเชีย
  • จุดแข็งของไทยคือการพัฒนาโครงการแบบมาสเตอร์แพลนที่ครบวงจร ผสานบริการระดับโรงแรม และตอบรับเทรนด์ใหม่ด้านสุขภาพ (Wellness) และการออกแบบเพื่อความยั่งยืน (Green Design)
  • ปัจจัยด้านทำเล ไลฟ์สไตล์ และนโยบายสนับสนุนวีซ่าระยะยาว ช่วยส่งเสริมให้ไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักลงทุนและผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัย

การลงทุนใน “แบรนด์เรสซิเดนซ์” กำลังกลายเป็นกระแสใหม่ที่พลิกภูมิทัศน์ตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูทั่วโลก จากอดีตที่เคยเป็นเพียงโครงการเฉพาะกลุ่ม วันนี้กำลังขยายตัวอย่างก้าวกระโดด และที่สำคัญ ศูนย์กลางของตลาดไม่ได้หยุดอยู่ที่อเมริกาเหนืออีกต่อไป แต่กำลังเคลื่อนตัวมายังเอเชียและตะวันออกกลาง — โดยมี “ประเทศไทย” เป็นหนึ่งในทำเลที่ได้รับการจับตา

รายงาน The Residence Report 2025 โดยไนท์แฟรงค์ ชี้ว่าจำนวนโครงการแบรนด์เรสซิเดนซ์ทั่วโลกเติบโตจากเพียง 169 โครงการเมื่อปี 2011 พุ่งขึ้นแตะ 611 โครงการในปัจจุบัน และคาดว่าจะทะยานเกิน 1,000 โครงการภายในปี 2030 สะท้อนความนิยมที่ขยายจากการอยู่อาศัยของคนกลุ่มบนไปสู่การลงทุนเชิงพอร์ตที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ

แม้อเมริกาเหนือยังคงเป็นตลาดใหญ่ แต่สัดส่วนเริ่มลดลง ขณะที่ตะวันออกกลางก้าวขึ้นมาเป็นตัวละครสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบียที่ดึงดูดนักพัฒนาและนักลงทุนคิดเป็นสัดส่วนกว่า 26% ของโครงการใหม่ ส่วนเอเชีย-แปซิฟิกยังคงเป็นเสาหลักที่ขับเคลื่อนดีมานด์ โดยไทย อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม “ศูนย์กลางเกิดใหม่”

สำหรับประเทศไทย จุดแข็งไม่ได้อยู่ที่ชายหาดสวยหรือแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น แต่คือการพัฒนาในรูปแบบมาสเตอร์แพลนที่ผนวกบริการโรงแรม การจัดการแบบโฮสพิทาลิตี้ และการสร้างคอมมูนิตี้ครบวงจร ซึ่งตอบโจทย์ทั้งกลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและนักลงทุนที่มองหากระแสรายได้ประจำ ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายสนับสนุนวีซ่าระยะยาว ก็ช่วยหนุนให้ไทยยิ่งเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ

ณัฎฐา คหาปนะ

นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ระบุว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดแบรนด์เรสซิเดนซ์ที่น่าจับตามองที่สุดในเอเชีย ได้รับความสนใจจากทั้งนักพัฒนาและนักลงทุน ด้วยศักยภาพทำเล ไลฟ์สไตล์ และจำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบรนด์เรสซิเดนซ์จะช่วยยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัย และตอกย้ำบทบาทของไทยบนเวทีโลก

ทั้งนี้ รายงานยังชี้เทรนด์ใหม่ที่ชัดเจนขึ้นคือ “Wellness & Longevity” และ “Green Design” โครงการยุคใหม่จึงไม่ได้ขายเพียงบ้านหรือคอนโด แต่ขายคุณภาพชีวิตในระยะยาว ตั้งแต่บริการเวลเนส ศูนย์สุขภาพ ไปจนถึงระบบบ้านอัจฉริยะที่ลดการใช้พลังงาน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้ซื้อกลุ่ม UHNWI และนักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญ

โดยโอกาสสำหรับนักพัฒนาคือการจับมือกับแบรนด์โรงแรมระดับโลกเพื่อสร้างมูลค่าและเข้าถึงฐานลูกค้าสากล ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งต้นทุนการบริหารที่ซับซ้อน ความเสี่ยงซัพพลายล้นในบางตลาด และปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง

อย่างไรก็ตาม รายงานยังคาดการณ์ความเสี่ยงที่ผู้เกี่ยวข้องต้องระวังอย่างจริงจัง ได้แก่

  • ความซับซ้อนในการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ต้องผสานการบริหารอสังหาและการบริการโรงแรม ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญระยะยาวและต้นทุนการบริหารสูง
  • ความเสี่ยงด้านซัพพลายล้นในบางมาร์เก็ต หากนักพัฒนาขยายโครงการอย่างรวดเร็วโดยไม่สัมพันธ์กับดีมานด์จริงอาจกดดันอัตราเช่าและราคาขาย
  • ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจชะลอการลงทุนได้

ซึ่งสำหรับประเทศไทยแล้ว “หน้าต่างแห่งโอกาส” ยังคงเปิดกว้าง หากสามารถสร้างโครงการที่ผสมผสานแบรนด์ ความเป็นอยู่ และการลงทุนเข้าด้วยกันได้อย่างสมดุล ประเทศไทยอาจก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางแบรนด์เรสซิเดนซ์ของเอเชียในไม่กี่ปีข้างหน้า