นายกสมาคมอาคารชุดไทยเตือน มาตรการรัฐล่าสุดยังไม่เพียงพอกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเผชิญแรงกระแทกใหม่จากแผ่นดินไหวและภาษีสหรัฐฯ ชี้ต้องอัดยาแรง ทั้งการปลดล็อกสินเชื่อ–คลายภาษี–วางโครงสร้างระยะยาว ดึงต่างชาติลงทุนและสร้างระบบอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า มาตรการที่ออกมาล่าสุด ทั้งจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์สินเชื่อ LTV (Loan to Value) แบบชั่วคราว
แม้จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและต้องขอบคุณภาครัฐ แต่สถานการณ์ล่าสุดกลับเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หลังเกิดแผ่นดินไหวในภาคเหนือของไทย และนโยบายด้านภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีแนวโน้มจะกลับมามีอิทธิพลในเวทีเศรษฐกิจโลก
“มาตรการที่ออกมายังไม่เพียงพอ เพราะวางแผนไว้ก่อนเกิดแผ่นดินไหวและก่อนเกิดมาตรการภาษีของทรัมป์ เราอาจต้องใช้นโยบายขนาดใหญ่กว่านี้ หรือ 'ยาแรง' ที่ช่วยทั้งระยะสั้นและระยะยาว” นายประเสริฐกล่าว
ปัญหาสภาพคล่อง ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดตราสารหนี้และหุ้นกู้เปราะบาง ซึ่งมีหุ้นกู้จำนวนมากที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้ ในขณะที่กลุ่ม High Yield ยังขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ขณะที่บริษัทในกลุ่ม Investment Grade ก็เริ่มได้รับผลกระทบ
การที่ภาครัฐไม่เข้าไปช่วยดูแล อาจนำไปสู่ปัญหาหนี้เสียเชิงระบบได้ นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าได้ รวมถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงสินเชื่อบ้านใหม่โดยไม่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้าน LTV และอาจต้องให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อในรูปแบบที่เหมือนบ้านใหม่ เพื่อสนับสนุนการรีไฟแนนซ์และเพิ่มสภาพคล่องให้กับประชาชน
ในอีกมุมหนึ่ง ด้านมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ นายประเสริฐเสนอแนะว่า ควรยกเลิกเพดานราคา 7 ล้านบาทในมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง และให้หักลดหย่อนภาษีจากการซื้อบ้านใหม่หรือดอกเบี้ยบ้านเพิ่มเติม รวมถึงยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะแก่ผู้ประกอบการชั่วคราว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2568 ได้
นอกจากนี้ นายประเสริฐยังได้เสนอให้ภาครัฐพิจารณาวางแนวทางเชิงโครงสร้างในระยะยาว โดยใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เช่น การเปิดช่องให้ชาวต่างชาติเช่าที่อยู่อาศัยระยะยาวไม่เกิน 60 ปี โดยมีสิทธิและหน้าที่ในการเสียภาษีอย่างโปร่งใส รวมถึงการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการอยู่อาศัยของคนไทยรายได้น้อยและปานกลาง พร้อมทั้งควบคุมการอยู่อาศัยของชาวต่างชาติในประเทศไทยให้อยู่ภายใต้การควบคุมของภาครัฐอย่างมีระบบ
การส่งเสริมโครงการ Manmade Projects เช่น นิคมการแพทย์ ศูนย์การพัฒนาการศึกษา และการดึงเมกะโปรเจกต์จากต่างชาติอย่าง Disney หรือ Universal Studios เข้ามาลงทุนในประเทศไทยก็ถือเป็นแนวทางที่สำคัญ เพื่อให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถเติบโตได้ทั้งในระยะสั้นและยาว
นายประเสริฐยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้โครงสร้างพื้นฐานของรัฐ โดยให้เอกชนมีบทบาทร่วมในการพัฒนาและเชื่อมต่อมูลค่าของโครงการต่างๆ ภายในกรอบเวลาที่กำหนด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน