อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ตั้งเป้าขึ้นทำเนียบบริษัทชั้นนำ 3 อันดับแรกกลุ่มบ้านลักชัวรีและโฮมออฟฟิศหรู ใน 3 ปี พร้อมวางแผนเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
[caption id="attachment_270376" align="aligncenter" width="335"]
ชยพล หรรรุ่งโรจน์[/caption]
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยแผนการดำเนินธุรกิจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ว่าตั้งเป้าระยะสั้นภายใน 3 ปี จะไต่ระดับขึ้นสู่ Top 3 ใน 2 กลุ่มเซ็กเมนต์หลัก คือ บ้านลักชัวรี ระดับราคา 20 ล้านบาท และโฮมออฟฟิศราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ก่อนวางแผนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2563 เพื่อต้องการสร้างความสามารถ ในการแข่งขัน ความน่าเชื่อถือ และทำให้ต้นทุนถูกลง ซึ่งสัดส่วนการเติบโตนั้น จะมาจากมูลค่าโครงการที่จะเปิดใหม่รวม 7 พันล้านบาท โดยนับเป็นการเติบโตในยอดขายถึง 300% หรือ 3 เท่าตัว หลังจากปีนี้ ตั้งเป้ามียอดขาย 2 พันล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ 4 แห่ง 4 แบรนด์ ได้แก่ บ้านเดี่ยว อัลติจูด มาสเตอรี่, โฮมออฟฟิศ อัลติจูด พรูฟ พระราม 9, โครงการคอนโดฯใหม่ ย่านเจริญกรุง 1 โครงการ และคอนโดฯแบรนด์ใหม่ล่าสุด อาสะ บนทำเลใกล้นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ในรูปแบบ 1 อาคาร จำนวน 8 ชั้น รวม 240 หน่วย ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 23.3- 50 ตารางเมตร โดยมีราคาขายเฉลี่ยที่ 1.4 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วถึง 50%
ระบุ เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัท ด้วยการสำรวจหาช่องว่างของตลาด ผุดโครงการบนทำเลและรูปแบบที่ยังมีดีมานด์แรง แต่ซัพพลายน้อย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เน้นเจาะกลุ่มผู้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย หรือ Young Success ที่ต้องการอาศัยอยู่ในทำเลสำคัญ ใกล้เมือง มีไลฟ์สไตล์ที่เป็นของตนเอง แต่ทั้งนี้ ยังมองว่ารูปแบบโปรดักต์ก็สำคัญ จำเป็นต้องมีความแตกต่าง
“ในการแข่งขันตอนนี้ มองว่าคล้าย ปลาเร็วกินปลาช้า โครงการไหนขายได้ก็ถือว่ารอด เราจะไม่สู้กับรายใหญ่ แบรนด์ที่ติดตลาด หรือกลุ่มที่มีที่ดินสะสมมากๆในมือ เพราะสู้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่เราหมั่นหาช่องว่างของตลาด เช่นที่โรจนะ คนอยากมีคอนโดฯ ต้องการคุณภาพชีวิต มีกำลังผ่อน ไม่อยากอยู่บ้านเดี่ยว ต้องการความปลอดภัย แต่ไม่มีซัพพลายไม่มีคอนโดฯย่านนั้นเลย นี่เป็นช่องว่างที่เรามองเห็น ก่อนจะไปพัฒนา ต้องสำรวจให้ดี นอกจากนี้ เรายังเน้นความหลากหลายของแบรนด์ ซึ่ง 1-2 ปีนี้ 80% ยังเป็นกลุ่มไฮเอนด์เป็นหลัก ส่วนปี 2563-2564 ขอดูสถานการณ์อีกที” นายชยพล กล่าว
ทั้งนี้ มองว่ากลุ่มเซ็กเมนต์ที่ยังเติบโตได้ในตลาดอสังหาฯไทยขณะนี้ คือ กลุ่มลักชัวรี แม้พบมีการแข่งขันสูง เนื่องจากกำลังซื้อยังดี ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ก็พบว่าเรื่องกู้ไม่มีปัญหา ขณะที่การตลาดทำง่ายกว่ากลุ่มอื่นๆ
โดยบริษัท อัลติจูดฯ ตั้งเป้ารับรู้รายได้อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งมาจากการโอนโครงการที่เปิดขายเมื่อปีที่แล้ว คือ โครงการ อัลติจูด มาสเตอรี่, อัลติจูด พรูฟ เกษตร-นวมินทร์ และคอนโดฯ อีก 2 โครงการ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,350 วันที่ 22 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2561