KEY
POINTS
การเคหะแห่งชาติ มุ่งผลักดันโครงการที่อยู่อาศัย ที่ตอบโจทย์ความต้องการ สร้างความมั่นคงในคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ รองรับคนทุกกลุ่มวัย ทุกระดับรายได้ของพี่น้องประชาชน อย่างต่อเนื่อง นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์การเคหะฯมีความจำเป็นเร่งพัฒนาโครงการใหม่ เพื่อสร้างรายได้และพลิกฟื้นฐานะการเงินให้กับองค์กร เนื่องจากที่ผ่านมาได้ชะลอโครงการออกไปตามภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อ
ทำให้ไม่มีสินค้าเพื่อขายและเช่า ซึ่งมีผลต่อการรับรู้รายได้และกำไรในระยะยาว จึงผลักดันแผนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ 48 โครงการ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าตามนโยบายใหม่ “Housing for All” หรือบ้านของคนทุกวัย โดยประเมินว่าหากไม่มีโครงการใหม่เข้ามาสร้างรายได้ การเคหะฯอาจประสบภาวะขาดทุนติดต่อกันตั้งแต่ปี 2571
โดยแผนลงทุน48 โครงการ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้ของการเคหะฯ มาจากโครงการใหม่ที่เตรียมเสนอคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (บอร์ดการเคหะฯ ) เพิ่มเติมจำนวน19 แปลง และโครงการเดิมที่เคยได้รับอนุมัติจากครม.แล้วแต่ยังไม่ได้ก่อสร้างอีก จำนวน 29 โครงการ โดยดำเนินการตามแผนในช่วงปี 2569 ถึง 2572 โดยโครงการใหม่จะเน้นการขาย 70-80% และเช่า 20% กระจายทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีศักยภาพและอยู่ใกล้แหล่งงาน เช่น นิคมอุตสาหกรรม (บางพลี, สมุทรปราการ, แหลมฉบัง)
ที่น่าจับตาโครงการเช่า 4 โครงการ ได้ผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง4 หน่วยงานหลัก ประกอบด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์), สำนักงบประมาณ, สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.), และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ทางด้านความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ศักยภาพของทำเล รวมถึงความต้องการของผู้บริโภค โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลหน้า เพื่อเดินหน้าโครงการต่อไปจำนวน596 หน่วย มูลค่าลงทุนรวม 439 ล้านบาท ตั้งอยู่ในจังหวัดสกลนคร, ภูเก็ต (กะทู้), เลย, และนราธิวาสเพื่อสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย จากทั้งหมด 11 โครงการ กว่า1,000 หน่วย กว่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้นายทวีพงษ์ยังให้ความสำคัญกับที่ดินแปลงใหญ่ เพื่อสร้างรายได้ 4 ทำเล 1. หนองหอย จังหวัดเชียงใหม่ (ติดถนนใหญ่ )2. ร่มเกล้า (ติดถนนตัดใหม่)3. รังสิต คลอง 4 (อาคารชุด)และ4. รังสิต คลอง 5 (บ้านเดี่ยว) โดยเฉพาะทำเลร่มเกล้า การเคหะฯ มีความสนใจที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ที่ดินที่มีศักยภาพสูงเพื่อสร้างรายได้ เช่น ที่ดิน 600 ไร่ บริเวณถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ซึ่งมีศักยภาพในการขายที่ดินพร้อมบ้านในราคาสูงถึง 40-50 ล้านบาทต่อหลัง แนวคิด คือการขายที่ดินพร้อมบ้านเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์และเพิ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวถูกทักท้วงจากสภาพัฒน์ เนื่องจากขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ของการเคหะฯ ที่เน้นการจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
ส่วนโครงการพัฒนาที่ดินแปลงสำคัญอื่น ๆ เช่น ได้พัฒนาพื้นที่ดินแดงอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้แปลง A1 (ติดทางด่วน) และแปลง D2 ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว และกำลังจะนำแปลง C1 เข้าดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าโครงการฟื้นฟูเมือง ประกอบด้วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ที่ตั้งอยู่ระหว่างถนนมิตรไมตรี บึงมักกะสัน ถนนประชาสงเคราะห์ และถนนวิภาวดีรังสิต โดยครม.มีมติเห็นชอบในหลักการแผนแม่บท (พ.ศ. 2559-2567) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่รวมทั้งสิ้น 20,292 หน่วย แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 อาคาร G สูง 28 ชั้น 334 หน่วย ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2561 และบรรจุผู้อยู่อาศัยแล้ว ระยะที่ 2 อาคาร A1 สูง 32 ชั้น 635 หน่วย คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2569 และอาคาร D1 สูง 35 ชั้น 612 หน่วย
ก่อสร้างเสร็จและทยอยบรรจุภายในปี 2568 ระยะที่ 3 อาคาร A2-A4 สูง 32 ชั้น 1,905 หน่วย เริ่มก่อสร้างหลัง A1 แล้วเสร็จ, อาคาร D2 สูง 35 ชั้น 612 หน่วย คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2569 และอาคาร C1 สูง 34 ชั้น 816 หน่วย อยู่ระหว่างจัดหาผู้รับจ้างก่อสร้าง แปลง D2 จำนวน 2,610 หน่วย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 2572ระยะที่ 4 อาคาร C2–C4 รวม 1,632 หน่วย และแปลง B/E รองรับผู้อยู่อาศัยใหม่กว่า 11,136 หน่วย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2572
ขณะที่โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนรามอินทรา ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาและสำรวจความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัย ขณะเดียวกันได้ปรับปรุงแผนแม่บทโครงการ พร้อมจัดทำแบบจำลอง 3 มิติของอาคารใหม่จำนวน 490 หน่วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนทุ่งสองห้อง ได้จัดทำกระบวนการมีส่วนร่วมกับผู้อยู่อาศัยและหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางการพัฒนาอย่างรอบด้าน และอยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทโครงการโดยใช้แนวคิดการพัฒนาเมืองสู่การเป็น Smart City
โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนห้วยขวาง ได้จัดทำกระบวนการมีส่วนร่วมกับผู้อยู่อาศัย สำรวจฐานข้อมูล ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในเบื้องต้น จัดทำ Workshop สะท้อนปัญหาของชุมชน เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนแม่บทโครงการฯ
ปี 2568 การเคหะฯได้ขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ ผ่านนโยบายสำคัญ พม. 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร สู่การขับเคลื่อนพันธกิจสำคัญ 9 ด้าน ซึ่งใน 5 นโยบายหลักนั้น การเคหะแห่งชาติร่วมขับเคลื่อนนโยบายที่ 5 สร้างระบบนิเวศ (Eco-system) ที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาและสร้างโอกาสให้ทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกช่วงวัย เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมได้มาตรฐาน ในระดับราคาที่รับภาระได้ ทั้งซื้อและเช่า
สร้างชุมชนให้มีความยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยมีการออกแบบเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน ตามเกณฑ์การออกแบบและประเมินโครงการชุมชนยั่งยืน (NHA Eco-Village Standard) รวมถึงการออกแบบเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของคนทั้งมวล ตามแนวทาง Universal Design (UD) เพื่อพัฒนา Sustainable Affordable Housing และเป็นที่อยู่อาศัย Resilient Housing
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,159 วันที่ 21 -24 ธันวาคม พ.ศ. 2568