เส้นตายรัฐสภาเข็นร่างแก้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ปลาย ธ.ค.

10 ธ.ค. 2568 | 07:00 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ธ.ค. 2568 | 07:14 น.

เส้นตายรัฐสภาเข็นร่างแก้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ปลาย ธ.ค. : รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4156

KEY

POINTS

  • ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาวาระสอง ในวันที่ 10-11 ธ.ค. และคาดว่าจะลงมติในวาระสามได้ช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2568
  • สาระสำคัญ คือ การตั้งกลไกจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านคณะกรรมาธิการ 2 คณะ คือ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น
  • มีการกำหนดกรอบการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีข้อกำหนดสำคัญคือ ห้ามแก้ไขเนื้อหาในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์
  • หลังผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาในวาระสามแล้ว จะต้องนำร่างแก้ไขไปจัดทำประชามติเพื่อสอบถามประชาชนต่อไป

คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ที่มี นายณัฐวุฒิ บัวประทุม เป็นประธาน ได้พิจารณาเนื้อหาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาวาระสอง ในการประชุมร่วมรัฐสภา สมัยวิสามัญ วันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 โดยมีประเด็นสาระสำคัญที่ถูกปรับแก้จากร่างเดิมเกือบทุกมาตรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบ "องค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่"

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้กำหนดให้มี 2 กลไกหลักในการขับเคลื่อน คือ:
1.คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน มาจากการเลือกของสมาชิกรัฐสภา ทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน

2.กมธ.รับฟังความคิดเห็นและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ทำหน้าที่รับฟัง รวบรวมความคิดเห็นของประชาชน และเสนอต่อ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงเปิดเผยความคืบหน้าให้ประชาชนรับทราบ

เข้มคุณสมบัติห้ามมีมลทินร่วม

กมธ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของผู้สมัครเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นไว้เหมือนกันอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการเพิ่มเติมข้อห้ามสำหรับบุคคลที่:

• อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ไม่ว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่)

• อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

• เป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ, พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะ สำหรับผู้สมัครเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์/ผู้วิจัยที่มีผลงานประจักษ์, เคยรับราชการตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตุลาการศาลปกครองชั้นต้นไม่น้อยกว่า 3 ปี, ผู้ประกอบวิชาชีพที่มีกฎหมายรองรับไม่น้อยกว่า 5 ปี, หรือผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนจำกัดไม่น้อยกว่า 5 ปี

                                  เส้นตายรัฐสภาเข็นร่างแก้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ปลาย ธ.ค.

ล็อกกรอบไม่แตะหมวด 1-2

จุดสำคัญที่สุดที่ กมธ. เสียงข้างมากให้ความเห็นชอบ คือ การกำหนดกรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีข้อกำหนดให้ นำบทบัญญัติในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาบัญญัติไว้โดยไม่ให้แก้ไข ซึ่งเป็นการขีดเส้นชัดเจนในการจำกัดขอบเขตการแก้ไข

กลไกเลือกกมธ.ทำรธน.

กระบวนการสรรหาและคัดเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ถูกออกแบบให้มีกลไกการมีส่วนร่วมและการตรวจสอบอย่างชัดเจน โดยใช้กลไกการสมัครผ่าน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สมัครต้องยื่นหลักฐานพร้อมวิสัยทัศน์ และมีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุน ไม่น้อยกว่า 100 คน พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร และผู้สนับสนุนด้วย

สูตรคัดเลือก“20 หยิบ 1”

การเลือก กมธ. ทั้งสองคณะ จะดำเนินการโดย รัฐสภา และกำหนดให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน โดยใช้ "สูตร 20 หยิบ 1" คือ:

• ให้สมาชิกรัฐสภาจัดกลุ่ม ๆ ละ 20 คน ตามหลักเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด

• แต่ละกลุ่มมีสิทธิเสนอชื่อผู้เป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ได้คณะละ 1 คน จนครบจำนวน 35 คน

• ผู้ที่ได้รับการเลือกเป็น กมธ. ทั้งสองคณะ ถูกกำหนดให้ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายใน 2 ปี นับจากวันที่พ้นตำแหน่ง

                                     เส้นตายรัฐสภาเข็นร่างแก้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ปลาย ธ.ค.

หลังวาระสองสู่ประชามติ

ภายหลังการพิจารณาวาระสอง ในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้อง พักร่างไว้ไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนจะเข้าสู่การพิจารณา วาระสาม เพื่อให้ความเห็นชอบทั้งฉบับ ซึ่งต้องใช้เสียง:

• เกินกึ่งหนึ่ง ของรัฐสภา

• มี สส.ฝ่ายค้านเห็นด้วยไม่น้อยกว่า 20%

• มีเสียง สว. เห็นด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา

เลขาธิการรัฐสภา ประเมินว่า หากวาระสองแล้วเสร็จภายในวันที่ 11 ธันวาคม จะครบกำหนด 15 วัน ในวันที่ 26-27 ธันวาคม และคาดว่าจะพิจารณาวาระ 3 ได้เร็วที่สุดในวันที่ 29 ธันวาคม 2568 หรืออาจเป็นช่วงหลังปีใหม่ วันที่ 5-6 มกราคม 2569 ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสมาชิก หลังจากรัฐสภาให้ความเห็นชอบในวาระ 3 แล้ว จะส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการจัดทำประชามติ ต่อไป

เกมยาว 1 ปี ชี้อนาคตการเมือง 

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เป็นแค่การตั้ง “ผู้ร่างใหม่” หากแต่เป็นการวางโครงสร้างอำนาจการเมืองระยะยาว ผ่าน 2 กลไกคู่ขนาน คุมคุณสมบัติผู้เข้ามามีบทบาทอย่างเข้มข้น และขีดเส้นต้องห้ามชัดเจนต่อหมวดสถาบัน

กระบวนการ 360 วันข้างหน้า จึงไม่ใช่เพียงการเขียนกติกาใหม่แต่คือ สมรภูมิการเมืองเชิงโครงสร้างที่กำหนดอนาคตประชาธิปไตยไทยในทศวรรษหน้า

                                       ++++++++++
 

10 ขอบเขตการร่างรธน.ใหม่ 

นอกจากกลไกและคุณสมบัติของคณะผู้จัดทำแล้ว กมธ. เสียงข้างมาก ยังได้กำหนดขอบเขตการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้ครอบคลุม 10 ประเด็นสำคัญ เพื่อให้การร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปตามเจตนารมณ์และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง 

โดยประเด็นหลักที่ต้องมีในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประกอบด้วย:

1.การรับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกมิได้

2.การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

3.การคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประชาชน

4.การวางหลักให้ประชาชนยึดโยงกับสถาบันการเมือง และมีความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์

5.การวางกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐ ขจัดทุจริต ประพฤติมิชอบ และจำกัดขอบเขตการใช้อำนาจรัฐ

6.การสร้างเสริมความเข้มแข็งของหลักนิติธรรม

7.การบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายรัฐที่ยืดหยุ่น

8.การกระจายอำนาจรัฐให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

9.การวางหลักเกณฑ์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

10.การวางกลไกให้ประชาชนตรวจสอบถ่วงดุล

ขอบเขตดังกล่าวสะท้อนเจตนาที่ต้องการให้รัฐธรรมนูญใหม่มีความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเน้นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำถึงการธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติและหลักนิติธรรม