พรรคประชาชนค้าน"ยุบสภา"ก่อนแก้ รธน. ชี้กระทบภาพลักษณ์นายกฯ

21 พ.ย. 2568 | 05:22 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ย. 2568 | 05:27 น.

โฆษกพรรคประชาชน ชี้หาก “อนุทิน” ยุบสภาเร็วเกินกรอบข้อตกลง ก่อนการแก้รธน.เสร็จ จะกระทบภาพลักษณ์ทางการเมืองของ “อนุทิน”

KEY

POINTS

  • พรรคประชาชนคัดค้านแนวคิดยุบสภา ก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จ ชี้จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีในสายตาประชาชน
  • นายพริษฐ์ เปรียบเทียบการยุบสภาก่อนแก้รัฐธรรมนูญว่าเหมือน "ผู้รับเหมาทิ้งงาน" หรือ "ปิดกิจการเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ" ซึ่งไม่เป็นผลดีทางการเมือง
  • การยุบสภาก่อน อาจถือเป็นการผิดข้อตกลงทางการเมืองที่ทำไว้ ซึ่งระบุให้ต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ พร้อมทำประชามติควบคู่กับการเลือกตั้ง

วันที้ 21 พ.ย. 2568 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุหากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลพร้อม “ยุบสภา” ทันทีในวันที่ 12 ธันวาคม แม้จะกระทบต่อไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตาม

นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากนายกฯ ตัดสินใจยุบสภาก่อนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าเสร็จสิ้น “ย่อมไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีในสายตาประชาชน” โดยเฉพาะในสนามเลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามา พร้อมย้ำว่า ในช่วงใกล้หมดวาระ การยุบสภากลางคันให้ภาพคล้าย “ผู้รับเหมาทิ้งงาน” หรือ “ปิดกิจการเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ” ซึ่งย่อมไม่เป็นผลดีทางการเมืองอย่างแน่นอน 

ส่วนกรณีถูกตั้งคำถามว่า หากยุบสภาก่อนวันที่ 31 มกราคม 2569 และยังไม่เดินหน้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนถึงขั้นทำประชามติพร้อมการเลือกตั้ง จะเข้าข่ายเป็นการผิดข้อตกลงระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับ พรรคประชาชนหรือไม่

นายพริษฐ์ ระบุว่า ข้อตกลงทางการเมืองที่ลงนามร่วมกันมีสองหัวใจสำคัญ คือ 1.ต้องยุบสภาภายใน 31 มกราคม 2569 และ 2.ต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมมี 2 คำถามในประชามติควบคู่กับการเลือกตั้ง หากไม่เป็นไปตามนี้ ก็ถือว่าผิดกรอบที่คู่สัญญาร่วมตกลงไว้

เมื่อถูกถามว่าพรรคประชาชนจะต้องเลือกบทบาทระหว่าง “ค้ำรัฐบาล” หรือ “ค้ำรัฐธรรมนูญ” หากรัฐบาลกังวลว่าจะพ่ายแพ้ในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายพริษฐ์ ตอบชัดว่า พรรคประชาชนมีท่าทีคงเส้นคงวา คือเป็นฝ่ายค้านตลอดวาระสภาชุดนี้ เพื่อรักษาความเป็นอิสระในการตรวจสอบรัฐบาล พร้อมย้ำว่า การเป็นฝ่ายค้าน คือส่วนหนึ่งของกลไกบังคับให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญาในข้อตกลงทางการเมือง

โฆษกพรรคประชาชน ย้ำว่า หน้าที่ของทุกพรรคตอนนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปถึงปลายทาง พร้อมยืนยันว่าความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในสภา

สำหรับคำถามว่าหากพรรคเพื่อไทยชะลอการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายหรือไม่ นายพริษฐ์ ปฏิเสธไม่วิเคราะห์แทน โดยระบุว่า การยื่นหรือไม่ยื่น รวมถึงเวลาและประเด็น เป็นสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทยอย่างแท้จริง และพรรคประชาชนจะไม่ก้าวล่วงการตัดสินใจดังกล่าว