“นครบาล”เล็งตั้งด่านตรวจกลางวัน กวดขันวินัยจราจร เริ่ม 5 เม.ย.นี้ หลังเริ่มตรวจกลางคืนไป สรุปคืนแรก จับเมาแล้วขับ 28 ราย ไม่สวมหมวก 29 ราย ไม่มีใบขับขี่ 7 ราย
วันนี้(2 เม.ย.64) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดูแลงานจราจร เปิดเผยเผยภาพรวมการตั้งด่านในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า จากด่านตรวจทั้งหมด 50 จุด ด่านเมา 13 จุด ด่านกวดขั้นวินัยจราจร 37 จุด ผลการจับกุมผู้ขับขี่รถระหว่างเมาสุรา 28 ราย การจับกุมผู้กระทำผิดตามพ.ร.บ.จราจร 39 ราย ผลการจับกุมยังค่อนข้างน้อยเนื่องจากเป็นการเริ่มกลับมาตั้งด่านครั้งแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากจุดตรวจทั้งสิ้น 50 จุด (ไม่รวมควันดำ) จุดกวดขันวินัยจราจร 37 จุด จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 13 จุด ผลการจับกุม จำนวน 67 ราย ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 1 ราย ขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาต 7 ราย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 1 ราย เมาแล้วขับ 28 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 29 รายจักรยานยนต์ไม่ปลอดภัย 1 ราย
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า เบื้องต้น จะเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเป็นหลัก ในกรณีผิดตามพ.ร.บ.จราจร แต่กรณีขับขี่ขณะเมาสุราทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้เมื่อทำการตรวจสอบพบก็ต้องส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านอุปสรรคในการตั้งด่าน ทางตำรวจจราจร สังกัด บช.น. ปฏิบัติตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีการปรับปรุงเน้น 4 เรื่องหลัก 1.มีความโปร่งใส 2.ตรวจสอบได้ 3.ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ 4.ต้องมีมาตรฐานในการปฏิบัติ
แต่ละข้อมีรายละเอียดในการปฏิบัติ การนำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ การกรอกข้อมูลในระบบแอพพลิเคชัน TPCC (Tralic Police Checkpoint Control) ผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบได้ว่า มีการตั้งด่านที่ใดบ้าง มีกล้องซีซีทีวีถ่ายแบบเรียลไทม์ตลอดเวลาการตั้งด่าน สามารถเป็นพยานหลักฐาน ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่
ในส่วนของตำรวจจราจร ในฐานะผู้ปฏิบัติก็จะมีกล้องบันทึกภาพติดตัวระหว่างที่มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ เดินออกไปจากจุดที่ไกลจากบริเวณที่มีการติดตั้งกล้องไว้ประจำที่ จากการตรวจสอบการปฏิบัติในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นไปได้ด้วยดี
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า จุดตรวจในช่วงเวลากลางคืน อาจมีข้อจำกัดเรื่องแสงสว่าง ตำรวจจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ทั้งในส่วนของผู้ปฏิบัติและรถที่เข้ามา ตำรวจจะมีการแสดงสัญญาณแจ้งเตือน โดยมีป้ายสัญญาณไฟแจ้งเตือนตั้งแต่แรกก่อนถึงจุดตรวจ 200 เมตร หรือ 100 เมตร ซึ่งจากข้อจำกัดในการลากดึงสัญญาณไฟ บางครั้ง บางจุด แสงไฟไม่เพียงพอ ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามปรับปรุงเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
ส่วนต่อมา จะเป็นพื้นที่ถนน บางแห่งต้องมีการตรวจสอบปริมาณจำนวนรถ มีการมอบนโยบายควบคู่กันตามข้อสั่งการของผบ.ตร. คือการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งผู้กระทำผิดเมาแล้วขับ 28 ราย บางรายมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 123 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ต้องป้องกันอุบัติเหตุด้วยคือคำนึงถึงปัญหาการจราจรหนาแน่น ต้องมีการอำนวยความสะดวกการจราจรท้ายแถวในห้วงเวลาที่มีการตั้งด่านต้องไปด้วยกัน ตำรวจที่ทำการคัดกรองรถ เพื่อไม่ให้ปริมาณรถสะสมท้ายแถวมากเกินไป ตรวจสอบว่ามีรถคันใดพฤติกรรมน่าสงสัย ผู้ขับขี่หน้าแดงหรือมีกลิ่นสุรา เราจะทำการตรวจสอบ นอกนั้นก็จะปล่อยให้รถไหลไป เพื่อให้ปริมาณรถสะสมน้อยลง
ส่วนกรณีมีการตั้งด่านเพิ่ม อาจมีการตั้งด่านช่วงกลางวันเพิ่มเติม แต่ต้องระมัดระวังอาจทำให้การจราจรติดขัด แต่จะเริ่มมีการกลับมาตั้งช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งให้ทางสถานีตำรวจนครบาลแต่ละแห่งทำการสำรวจ อย่างน้อยอาจกำหนดให้มีการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรเพิ่มเติมสถานีตำรวจละ 1 จุด คาดว่าจะมีการเริ่มตั้งด่านกลางวัน-กลางคืนได้ประมาณวันที่ 5 เม.ย. นี้ ส่วนด่านตรวจเมาจะให้บก.จร.ดูเป็นหลัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :