นายโภคิน พลกุล แกนนำกลุ่มสร้างไทย แสดงความเห็นถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า หากรัฐสภาจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงมติเสียก่อน และเมื่อทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง ว่า ถ้าปล่อยให้มีการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระสาม ฝ่ายค้านแพ้ฝ่ายรัฐบาลแน่ แม้ พรรคภูมิใจไทย และ พรรคประชาธิปัตย์ จะโหวตสวนก็ตาม และจะเป็นตัวสะท้อนว่า ใครสนับสนุน ไม่สนับสนุนแก้รัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ในการโหวตล้มร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงแค่ใช้เสียงของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กว่า 100 เสียง รวมกับเสียงของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ก็ชนะมาตั้งแต่ต้นแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ “จบเห่”
และเมื่อญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ตกไป” ก็จะเกิดม็อบกดดันรัฐบาลตามมา แล้วรัฐบาลก็ให้ไปยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ตามข้อเรียกร้อง รัฐบาลก็เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก
“สมมติล้มญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ตกไป ฝ่ายค้าน และฝ่ายประชาชน ไม่สามารถผลัดดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น เพราะฉะนั้น วิธีการคือให้ยืดการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 ออกไปแล้วไปทำประชามติถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าจะมีตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เอาด้วยหรือไม่ แก้ทั้งฉบับ หรือแก้รายมาตรา”
นายโภคิน กล่าวว่า สำหรับระยะเวลาในการทำ “ประชามติ ใช้เวลาแล้วเสร็จได้ภายในไม่เกิน 90 วัน ตามกฎหมายประชามติที่ยังมีผลบังคับใช้ เพื่อให้ปัญหาทางการเมืองของประเทศได้รับการคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีต่อไป
สำหรับคำถาม “ประชามติ” ก็ให้ถามประชาชนว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย ก็ไม่ต้องโหวตวาระ 3 แต่ถ้าประชาชนเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็กลับมาโหวตวาระ 3
“ผลของวิธีการนี้ ทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ตกไป” นายโภคิน ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :