ด้านพญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูตินารีแพทย์ ไม่เห็นด้วยที่กฎหมายฉบับนี้ เปิดให้ผู้หญิงท้องอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ทำแท้งได้ โดยไม่มีการถามเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การทำแท้งต้องมีเหตุผล โดยผู้หญิงนั้นต้องได้รับข้อมูลที่เพียงพอ และต้องเป็นทางเลือกสุดท้าย กรณีนี้กระทบกับความรู้สึกของสูตินารีแพทย์ เพราะอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ชีวิตเริ่มต้นแล้วเด็กมีพัฒนาการ ไม่ใช่ก้อนเลือดที่จะเอาออกได้ได้ง่าย แพทย์ทั่วไปในโรงพยาบาลชุมชนประสบการณ์ก็อาจจะไม่เพียงพอ
“คนที่ไม่มีประสบการณ์บอกง่ายออกหมดให้มาเป็นสูตินารีแพทย์ การทำแท้ง 12 สัปดาห์ ไม่ได้ออกหมด มีส่วนหนึ่งที่ตกค้างต้องมาขูดหรือดูดมดลูก แล้วยังตามด้วยการอักเสบ ติดเชื้อ แม้จะเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย แต่แพทย์ไม่สามารถบอกได้ว่า จะไมได้รับอันตราย ทุกขพลภาพหรือถึงแก่ชีวิต เคยมีที่สูตินารีแพทย์ทำแท้งแล้วเกิดกรณีมดลูกตีบตันไม่สามารถมีลูกได้อีก ดังนั้น การทำแท้ง แม้อายุครรภ์จะต่ำกว่า 12 สัปดาห์ ไม่ได้แปลว่าไม่อันตราย “ พ.ญ.ชัญวลี กล่าวและว่า ไม่ได้ปฏิเสธการทำแท้ง แต่ต้องมีข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม เรื่องนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม ประเพณีของสังคมของไทยอย่างง่ายๆ โดยการเซย์เยส 2 ครั้ง ไม่ต้องถามเหตุผล เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมายแล้ว ซึ่งไม่แน่ใจว่าประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเหล่านี้ โอเคหรือเปล่า สรุปว่าไม่ใช่แค่หมอสูติ แต่เป็นประชาชนคนไทย ผู้นับถือทุกศาสนา ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต”
พญ.สุพรรณี คูณแสง แพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมสูตินรีแพทย์ กล่าวว่า ผลกระทบจากกฎหมายทำแท้งใหม่มีหลายข้อ ดังนี้
1.การเข้าถึงการทำแท้ง โดยไม่มีหลักเกณฑ์กำหนด อาจส่งผลให้ความระมัดระวังต่อการคุมกำเนิดหรือการตั้งใจในการคุมกำเนิดลดลง
2.สถิติการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และสถิติโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น
3.สถิติภาวะจิตใจของสตรีกลุ่มนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
4.สถิติภาวะแทรกซ้อนอันตรายต่อชีวิตมารดาเพิ่มขึ้นตามอายุครรภ์ที่ทำแท้ง
5.ภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้รับผลกระทบ
6.งบประมาณที่รัฐต้องไปดูแลเรื่องทำแท้งนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณในการคุมกำเนิดจะถูกกว่างบประมาณในการทำแท้ง 10 เท่า
7.มโนธรรมของสังคม ดังนั้นไม่เป็นผลดีต่อใครหากกฎหมายมีผลบังคับใช้
“กฎหมายดังกล่าวแม้จะเป็นการบรรเทาปัญหาของมารดาที่จะไปทำแท้ง แต่จะสร้างปัญหาใหม่ในวงกว้างทั่วประเทศ ดิฉันมองว่ากลุ่มเยาวชนเป็นเหยื่อของกฎหมายฉบับนี้ กลุ่มวัยรุ่นที่คิดไม่ออก ตกใจในการตั้งครรภ์ แทนที่รัฐจะดูแลประคองครรภ์ของเขาแต่กลับเปิดประตูให้เขาไปทำผิดอันเนื่องมาจากความผิดพลาดของเขา ซึ่งเป็นการทำผิดซ้ำรอบ 2 โดยการทำแท้งยุติครรภ์ซึ่งจะมีผลต่อจิตใจของเขาในระยะยาว
อยากเสนอว่า รัฐควรหาทางเลือกที่ดีกว่านี้ให้กับสตรีหรือเยาวชนที่ไม่พร้อมตั้งครรภ์ เพราะการทำแท้งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ควรจะแก้ที่ต้นเหตุ โดยระบบการทำแท้งของประเทศไทยควรดีกว่านี้ และควรสร้างการมีส่วนรวมของฝ่ายชาย เช่นในต่างประเทศจะมีระบบการส่งเสียค่าเลี้ยงดูเมื่อมีลูกแล้ว เรายังไม่ได้สร้างระบบนี้ขึ้นมา ระบบเครดิตจะไม่สามารถกู้เงินได้ รวมถึงใบขับขี่ก็ต้องถูกยึด นอกจากนี้ ถ้ายังไม่รับผิดชอบก็จะไปสู่คดีอาญาของผู้ชาย ดังนั้น ถ้าฝ่ายชายรู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้าก็จะมีการร่วมรับผิดชอบคุมกำเนิด”
พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา อดีตหมอเด็ก กรรมการแพทย์สภา กล่าวว่า ลูกไม่ใช่ภาระแต่เป็นสมบัติของพ่อแม่และครอบครัว เราเข้าใจว่า มีคนส่วนหนึ่งตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่มีความพร้อม แล้วลักลอบทำแท้ง โดยจะเห็นว่า มีข่าวพบศพเด็กที่วัด ที่ผ่านมาความตั้งใจของแพทย์สภาที่อยากให้มีการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ คือ ต้องทำเพื่อสุขภาพ อนามัยของมารดาและทารก นั่นคือ จะต้องมีการให้คำปรึกษาก่อน แต่กลายเป็นว่ากฎหมายที่ออกมาเพียงอายุครรภ์ไม่ถึง 12 สัปดาห์ ถ้าอยากทำแท้งก็ทำได้ซึ่งไม่ถูกต้อง และไม่มีประเทศไหนที่ให้ทำแท้งได้โดยเสรี
ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น ในมาตรา 305 ยังให้อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ก็ทำแท้งได้ ซึ่ง 20 สัปดาห์ถือว่า ผ่านมาครึ่งทางของการตั้งครรภ์แล้ว เด็กก็มีชีวิต หัวใจเต้น มีอวัยวะเพศ เครื่องไหวดูดนิ้วได้แล้ว แล้วเราจะให้ทำแท้งเพียงเพราะพ่อแม่ไม่รับผิดชอบ แล้วมาบังคับให้หมอทำ แบบนี้ไม่เห็นด้วย
“การจะให้ทำแท้งจะมีก็ได้แต่ต้องเป็นไปอย่างมีเหตุมีผล นอกจากต้องเป็นการตัดสินของพ่อแม่แล้ว ต้องเป็นการตัดสินใจของครอบครัวด้วย เมื่อก่อนประณามผู้หญิงท้องไม่พร้อม ว่าเด็กที่เกิดมาเป็นมารหัวขน ค่านิยมเป็นอย่างนี้ ทำให้หญิงที่ท้องแล้วไม่มีสามีอับอาย หลบซ่อน แต่ในต่างประเทศที่เราเดินตามเขาอย่างสหรัฐ เด็กที่เกิดในลักษณะนี้จะมีกลุ่มแพทย์ให้คำปรึกษา มีศูนย์รับลี้ยงเด็ก ให้คำแนะนำว่าต่อไปจะต้องป้องกันอย่างไร ไม่จำเป็นต้องพูดถึงคุณธรรม จริยธรรมทางศาสนา เพราะหลายศาสนาก็ไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง” พญ.เชิดชู กล่าวและว่าเราไม่ได้คัดค้านอย่างสุดโต่ง เข้าใจว่า บางครั้งมีความจำเป็นที่ต้องทำแต่อยากให้ทบทวนให้การทำแท้งเป็นไปอย่างมีเหตุมีผล มีจริยธรรม มโนธรรม และประกอบการตัดสินใจของแพทย์ “
ขณะที่ พ.ต.ท.กีรป กล่าวว่าจะเร่งสรุปคำร้องและข้อเท็จจริงเพื่อเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดร่างกฎหมาย “ทำแท้ง” ภายใต้ 4 เงื่อนไขจำเป็น ไม่ต้องรับโทษ
หนุน กฎหมายทำแท้ง จี้ ถกปม “สิทธิเสรีภาพ-อายุครรภ์”
สภาไฟเขียว หญิงท้องไม่เกิน 12 สัปดาห์ ทำแท้งได้ ไม่ผิดกฎหมาย
ครม.เห็นชอบแก้ก.ม.อาญา ให้หญิงอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ทำแท้งได้
ศาลรธน.ยังไม่รับพิจารณาแก้รธน.เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง