เชื้อไมโครพลาสมาคืออะไร น่ากลัวแค่ไหน อาการยังไง ดูเลย

09 ม.ค. 2566 | 07:34 น.

เชื้อไมโครพลาสมาคืออะไร น่ากลัวแค่ไหน อาการยังไง ดูเลยที่นี่มีคำตอบ สามารถป้องกันได้อย่างไร มีวัคซีนป้องกันได้หรือไม่ และวิธีการรักษาต้องทำแบบไหน หมอรามาชี้ติดจากคนสู่คนได้

เชื้อไมโครพลาสมาคืออะไร อันตรายแค่ไหน กำลังเป็นประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจ "ฐานเศรษฐกิจ" จะพาไปไขคำตอบเรื่องนี้ให้คลายสงสัย

 

"ไมโครพลาสมา" (Mycoplasma) เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ โดยสามารถทำให้เกิดเป็นไข้หวัด คออักเสบ หรือหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบก็ได้ การติดเชื้อไมโครพลาสมาสามารถพบได้ทุกช่วงวัย 

 

อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ป่วยที่พบบ่อย คือ เด็ก และวัยรุ่น กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค คือ กลุ่มที่พาตนเองไปอยู่ในที่ชุมชน มีผู้คนจำนวนมากทั้งโรงเรียน โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

 

คำอธิบายจาก นพ. ธเนศ แก่นสาร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ให้ความรู้ไว้ในรายการ พบหมอรามา ระบุว่า ไมโคพลาสมา เป็นเชื้อแบคทีเรียตัวหนึ่งที่อยู่ในตามธรรมชาติ แต่สามารถติดจากคนสู่คนได้

 

เชื้อชนิดนี้ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นทางเดินหายใจส่วนบน เช่น เป็นหวัด ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ปวดศีรษะ ไข้ต่ำ ๆ และส่วนล่างคือ อาการเกี่ยวกับปอด  "ในบางคนโดยเฉพาะเด็กหากติดเชื้อดังกล่าว อาจเกิดภาวะลงไปที่ปอดทำให้เป็นปอดอักเสบ ปอดบวม ปอดติดเชื้อ

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันโรคไมโครพลาสมายังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่สิ่งที่ง่าย และดีที่สุดในการป้องกันก็ คือ พยายามอย่าให้บุตรหลานไปอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมาก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัย และควรล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนปรุง หรือรับประทานอาหาร 

รวมทั้งใช้ช้อนกลางเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ลักษณะอาการของผู้ที่ได้รับ "เชื้อไมโครพลาสมา" จะคล้ายกับอาการของไข้หวัดใหญ่ โดยจะมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แต่ลักษณะเด่นของโรคนี้คือ จะมีอาการไอรุนแรง 

 

และมีการติดต่อได้ง่ายจากการหายใจสูดเอาละอองของเชื้อที่ปนมากับเสมหะ หรือน้ำมูก เมื่อได้รับเชื้อตัวนี้เข้าไปแล้ว จะใช้เวลาฟักเชื้อ 1 - 4 สัปดาห์ และจะค่อยๆ แสดงอาการข้างต้นออกมา  หากลูกน้อย หรือบุคคลในครอบครัวของคุณมีอาการเหล่านี้ ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็วต่อไป

  • มีไข้เกิน 38 องศา
  • ไอมาก หายใจเร็ว หายใจมีหน้าอกบุ๋ม
  • ปวด เมื่อยกล้ามเนื้อ
  • บางรายมีผื่นแดงตามผิวหนัง

 

เชื้อไมโครพลาสมาคืออะไร

 

สาเหตุการติดเชื้อไมโคพลาสมา :

 

โดยปกติ "เชื้อไมโคพลาสมา" จะอาศัยอยู่ในร่างกายของคนอยู่แล้วถึง 17 ชนิด  แต่มีเชื้อไมโคพลาสมาบางชนิดที่ทำให้เกิดโรคและการเจ็บป่วย ซึ่งได้แก่ เชื้อแบคทีเรียชนิด Mycoplasma pneumonia ซึ่งทำให้เกิดโรคของระบบทางเดินหายใจ 
 

ซึ่งรวมทั้งปอดบวม และ อีก 4 ชนิด คือ เชื้อแบคทีเรียไมโคพลาสมาชนิด Mycoplasma genitalium, Mycoplasma hominis, Ureaplas ma urealyticum และ Ureaplasma parvum ทำให้เกิดโรคของ ระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบสืบพันธุ์ 

 

สำหรับเชื้อ Mycoplasma hominis นั้นเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธ์ ซึ่งอาการคล้ายกับโรคหนองในเทียม สามารถติดต่อไดผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์


อาการและอาการแสดง :

 

อาการที่พบส่วนใหญ่ของการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้ จะเป็นกลุ่มอาการทางเดินปัสสาวะและระบบอวัยวะสืบพันธุ์ ได้แก่

  • อาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะขุ่น
  • ในเพศหญิงอาจจะมีอาการตกขาวร่วมด้วย
  • มีอาการอ่อนเพลีย ไม่สุขสบายตัว ปวดท้องน้อยได้
  • อาการส่วนใหญ่ที่พบจะไม่ค่อยรุนแรง และสามารถหายได้เอง แต่ถ้ามีอาการมากกว่าปกติ ให้รับมาพบแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะเพราะอาจเกิดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนในระบบทางเดินปัสสาวะได้

 

การรักษา :

 

การรักษาโรคติดเชื้อไมโคพลาสมา โฮมินิส (Mycoplasma hominis) นั้น สามารถรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกับการดื่มน้ำสะอาดมากๆ ในช่วงที่เกิดการติดเชื้อ เพื่อขับเชื้อออกจากระบบทางเดินปัสสาวะให้มากที่สุด

 

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ควรงดหรือ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในห้วงระยะเวลาที่ยังมีอาการ เพราะอาจะทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อที่มากขึ้นและแพร่กระจายเชื้อได้

 

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ห้องน้ำ การใช้สระว่ายน้ำในที่สาธารณะ ถ้าไม่มั่นใจในความสะอาด และรักษาความสะอาดของอวัยวะสืบพันธ์อย่างสม่ำเสมอ ทำความสะอาดหลังการขับถ่ายทุกครั้งและซับให้แห้ง สวมใส่ชุดชั้นในที่เป็นผ้าฝ้ายเพื่อการระบายอากาศ จนกว่าจะหายและอารกลับมาเป็นปกติ

 

การป้องกัน :

การป้องกันโรคติดเชื้อไมโคพลาสมา โฮมินิส (Mycoplasma hominis) นั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ การรักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะสืบพันธ์ เพื่อป้องกันความอับชื้นที่เป็นสาเหตุของเชื้อราและแบคทีเรีย

 

รักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ  5 หมู่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง ที่จะทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะได้ง่าย ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราเพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนแอและภูมิต้านทานของร่างกายลดลง และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงต่อไป

ที่มา : โรงพยาบาลเปาโล ,เซฟ คลินิก(Safe Clinic)