รู้จักกับ ‘ศาสตร์แห่งลมหายใจ’ ปลดล็อกการรักษาสุขภาพจิต

30 พ.ย. 2568 | 08:01 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ย. 2568 | 08:10 น.

แพทย์ชี้คนไทยเสี่ยงซึมเศร้าและฆ่าตัวตายสูง MINDAI™ เปิดแนวคิดใหม่ด้วยสุขภาพจิตองค์รวม ผสานจิตวิทยาแนวพุทธและศาสตร์แห่งลมหายใจ (Circular Breathing) ใช้ ‘ปัญญาแห่งจิต’ เยียวยา ‘บาดแผลที่มองไม่เห็น’ ลดการพึ่งพายา ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจิตในระยะยาว

KEY

POINTS

  • "ศาสตร์แห่งลมหายใจ" เป็นแนวทางการรักษาสุขภาพจิตแบบองค์รวม โดยใช้การควบคุมลมหายใจอย่างมีสติเพื่อปรับสมดุลระบบประสาท ลดความเครียด และเยียวยาจิตใจ
  • นำเสนอเป็นทางเลือกเพื่อรับมือกับปัญหาสุขภาพจิตในไทยที่ทวีความรุนแรง โดยเน้นการป้องกันและลดการพึ่งพายา
  • แนวคิดนี้ผสมผสานหลักการจากจิตวิทยาแนวพุทธ จิตวิทยาตะวันตก และทฤษฎีของนักจิตวิทยาสำคัญ เช่น ซิกมันด์ ฟรอยด์, คาร์ล จุง และสตานิสลาฟ กรอฟ

แพทย์หญิง ดร. เอมอร โคพีร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบัน MINDAI™ สถาบันแนวคิดใหม่ในด้านสุขภาพจิต เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันผู้คนทั่วโลกประสบปัญหาสุขภาพจิตเป็นจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทยที่มีข้อมูลระบุว่า จำนวนประชากรกว่า 9% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า 7% มีภาวะเครียดสูงในระดับอันตราย มากกว่า 5% กำลังเผชิญกับความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย และพบสถิติการฆ่าตัวตายสูงมากกว่า 5,000 คนต่อปี

ในปี 2567 มีคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเฉลี่ย 15 คนต่อวัน หรือเฉลี่ย 1 คนในทุก 2 ชั่วโมง แต่การเข้าถึงการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญมีจำกัด ทั้งจิตแพทย์ที่เป็นแพทย์เฉพาะทางซึ่งใช้ยาในการรักษา และนักจิตวิทยาที่ยังขาดการยอมรับทางสังคมในไทย แตกต่างจากประเทศอย่างออสเตรเลียหรือสหรัฐอเมริกาที่รัฐบาลให้การสนับสนุน

ดังนั้น การจัดการสุขภาพจิตที่ดีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและเพิ่มคุณภาพชีวิตได้ โดยใช้วิธีหยั่งรากลึกในอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งเป็นทางเลือกและเป็นแนวทางการรักษาแบบองค์รวม รักษาทั้งกายใจ เน้นการป้องกันเพื่อลดการพึ่งพายา

“ปัญหาสุขภาพจิตของมักเกิดจากบาดแผลที่อยู่ในจิต และบาดแผลลึกที่สุดคือบาดแผลที่มองไม่เห็น ฝังรากลึกในจิตและในหัวใจ ความตระหนักรู้ในเรื่องนี้จะหล่อหลอมเส้นทางการเยียวยาที่อยู่เหนือสภาวะทางร่างกาย โดยใช้จิตวิทยาแนวพุทธ จิตวิทยาเหนือบุคคลและการฟื้นฟูเยียวยาในโลกตะวันตก และสำรวจการใช้การบำบัดด้วยสารจิตประสาท สำหรับเยียวยาบาดแผลทางใจ ภาวะซึมเศร้า รวมถึงความวิตกกังวล ภายใต้การควบคุมและดูแลจากแพทย์อย่างเข้มงวด”

รู้จักกับ ‘ศาสตร์แห่งลมหายใจ’ ปลดล็อกการรักษาสุขภาพจิต

แพทย์หญิง ดร. เอมอร กล่าวว่า อ้างอิงหลักการบำบัดจากงานวิจัยในเชิงประจักษ์ จะใช้การหายใจอย่างมีสติและสติสัมปชัญญะ ที่เรียกว่า “ปัญญาแห่งจิต (สติปัญญาทางจิตใจ)” หรือ ความสามารถในการควบคุม ขยาย และเปลี่ยนแปลงสภาวะภายในของตัวเรา คือ รณาการทางความคิด จิต อารมณ์ และสติสัมปชัญญะเข้าด้วยกันให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อการเยียวยา โดยสติปัญญาทางจิตใจจะส่งผลให้คนที่เข้าถึง เกิดความยืดหยุ่น ความชัดเจน และความเห็นอกเห็นใจ

ทั้งนี้ ศาสตร์แห่งลมหายใจและกลไกทางสรีรวิทยา นับเป็นกลไกการทำงานของลมหายใจระบบเดียวในร่างกายที่คนเราสามารถควบคุมได้ การควบคุมการหายใจจะช่วย “reset nervous system” ทั้งระบบ Sympathetic (ตื่นตกใจ) และ Parasympathetic โดยเฉพาะการหายใจแบบ Circular Breathing มีผลโดยตรงต่ออารมณ์ สามารถลดฮอร์โมนความเครียด ปรับระบบประสาทสมดุล เชื่อมโยงไปยังสุขภาพกายและจิตวิญญาณทั้งหมด มีทฤษฎีจิตวิทยาที่เกี่ยวข้อง 3 ทฤษฎี คือ 1. ทฤษฎีของซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) เน้นทำความเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ผ่าน จิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis)

2. ทฤษฎีของคาร์ล จุง (Carl Jung) เกี่ยวกับบุคลิกภาพมนุษย์แบ่งออกเป็นหลายส่วนหลัก ได้แก่ ตัวตน (Ego), จิตใต้สำนึก (Unconscious) แบ่งเป็นจิตใต้สำนึกส่วนตัวและจิตใต้สำนึกร่วม, ปม (Complex), และการพัฒนาบุคลิกภาพที่เรียกว่า การทำให้ตนเองเป็นองค์รวม

3. สตานิสลาฟ กรอฟ (Stanislav Grof) ผู้สร้างทฤษฎี Transpersonal Psychology ที่มองว่ามนุษย์มีมิติที่มากกว่าตัวตนส่วนบุคคล (ก่อนเกิดและหลังเกิด) Grof เชื่อว่า “กระบวนการเกิด” (Birth Process) เป็น “key event” สำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของมนุษย์ และรูปแบบการเกิดที่แตกต่างกัน

สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการสร้างสมดุลในการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่เป็นนวัตกรรมทำให้เกิดความมั่นคงและสร้างสุขภาพดีในระยะยาว เป็นแนวคิดใหม่ในด้านสุขภาพจิต ที่ผสมผสานดัชนีความเครียดกับการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล รักษาผู้ป่วยตามจิตสำนึก เพื่อฟื้นฟูจิตใจของมนุษย์ เสริมพลังให้ชุมชนและเปลี่ยนแปลงประเทศชาติได้ในระยะยาว