กรมสุขภาพจิต ห่วงใยทีมกู้ภัยน้ำท่วมใต้ แนะดูแลจิตใจขณะปฏิบัติภารกิจ

28 พ.ย. 2568 | 05:25 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ย. 2568 | 05:27 น.

กรมสุขภาพจิต ชี้ปฏิกิริยาทางใจเมื่อเกิดความสูญเสียอาจเป็นสาเหตุของ ความโกรธ ก้าวร้าว ของผู้ประสบภัย วอนคนไทยไม่ตีตราเหมารวมพี่น้องชาวใต้ พร้อมช่วยส่งกำลังใจบุคลากรด่านหน้าและอาสาสมัครกู้ภัยที่กำลังปกป้องช่วยเหลือประชาชน 

KEY

POINTS

  • กรมสุขภาพจิตแสดงความห่วงใยต่อทีมกู้ภัยน้ำท่วมภาคใต้ ที่ต้องเผชิญกับพฤติกรรมก้าวร้าวจากผู้ประสบภัยซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังใจและความปลอดภัย
  • ชี้แจงว่าพฤติกรรมของผู้ประสบภัยเป็นผลจากความเครียดสะสมในภาวะปกป้องตัวเอง (Survival Mode) ไม่ใช่ความตั้งใจทำร้ายเจ้าหน้าที่
  • แนะให้ทีมกู้ภัยดูแลสุขภาพจิตตนเองและเพื่อนร่วมทีม โดยการสังเกตอาการเครียด สลับเวรพักผ่อน เปิดใจพูดคุย และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

จากกรณีที่มีรายงานข่าวสถานการณ์วิกฤตในพื้นที่น้ำท่วม โดยพบผู้ประสบภัยบางส่วนที่ติดอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ขับไล่ หรือใช้อาวุธข่มขู่เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ จนส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและบั่นทอนกำลังใจของทีมผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมที่อาจนำไปสู่การตีตราผู้ประสบภัยและพี่น้องชาวใต้นั้น

นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า เมื่อผู้ประสบภัยขาดปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพและถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเกิน 72 ชั่วโมง ร่างกายและจิตใจจะเข้าสู่ภาวะปกป้องตัวเอง (Survival Mode) ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากภาวะปกติอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากความเครียดสะสมและการอดนอน จะส่งผลให้สมองส่วนการตัดสินใจทำงานลดลง ในขณะที่สมองส่วนสัญชาตญาณจะทำงานหนักขึ้น จึงมีแนวโน้มตีความสิ่งเร้าที่ไม่ชัดเจนว่าเป็นภัยคุกคาม เช่น มองเจ้าหน้าที่เป็นผู้ไม่หวังดี หรือกังวลว่าเรือช่วยเหลือจะกระแทกบ้านจนเสียหายเพิ่มขึ้น

ความเครียดจากการสูญเสีย การขาดอาหาร น้ำ ยาประจำตัว และความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อการทำงานของทีมกู้ภัย ล้วนส่งผลให้เกิดพฤติกรรมป้องกันตัวหรือความก้าวร้าวได้ ทั้งนี้ มนุษย์มีปฏิกิริยาทางใจต่อความสูญเสีย 5 ระยะ ได้แก่ 

1. ระยะปฏิเสธเกิดความช็อกและไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น 2. ระยะโกรธรู้สึกไม่ยุติธรรมต่อเหตุการณ์ 3. ระยะต่อรองจะมีการตำหนิตัวเองหรือคิดเสียใจย้อนหลัง 4. ระยะซึมเศร้าที่เริ่มเผชิญความจริงและรู้สึกเศร้า ท้อแท้ และ 5. ระยะยอมรับในการค่อย ๆ ปรับตัวกับสภาพชีวิตใหม่

โดยเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ในขณะนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ผ่านระยะแรกแล้วและกำลังก้าวเข้าสู่ระยะโกรธ หรือการต่อรอง ซึ่งเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของผู้เผชิญความสูญเสีย ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยอาจมีการแสดงออกที่เข้มข้นตามสภาพความเครียดและความสูญเสียที่เผชิญ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติในสถานการณ์วิกฤต

ขณะที่เจ้าหน้าที่ควรสื่อสารด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล อธิบายขั้นตอนอย่างชัดเจน และสร้างความรู้สึกปลอดภัย เพื่อบรรเทาความตึงเครียดและช่วยให้ประชาชนสามารถฟื้นตัวและกลับสู่ภาวะปกติได้ในที่สุด

นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ กรมสุขภาพจิตตระหนักถึงความทุ่มเทของบุคลากรด่านหน้า และอาสาสมัครกู้ภัยที่ต้องทำงานท่ามกลางความกดดัน จึงขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลทั้งกายและจิตใจของบุคลากรเหล่านี้ให้มีความพร้อมและปลอดภัยที่สุด เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนต่อไปได้

กรมสุขภาพจิต ห่วงใยทีมกู้ภัยน้ำท่วมใต้ แนะดูแลจิตใจขณะปฏิบัติภารกิจ

นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเสริมว่า การดูแลจิตใจของอาสาสมัครและทีมกู้ภัยมีความสำคัญควบคู่ไปกับการดูแลผู้ประสบภัย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติงานแข่งกับเวลาและแบกรับความคาดหวังของประชาชน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเหนื่อยล้าและความเครียดสะสมได้

จึงขอแนะนำให้เจ้าหน้าที่หมั่นสังเกตสัญญาณความเครียดของตนเองและเพื่อนร่วมทีม โดยควรจัดให้มีการสลับเปลี่ยนเวรเพื่อพักผ่อนเป็นระยะระหว่างปฏิบัติงาน มีการเปิดใจสื่อสารความรู้สึกภายในทีมเพื่อระบายความอัดอั้น ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และลดการตำหนิตนเองเมื่อต้องเผชิญกับข้อจำกัดที่อยู่เหนือการควบคุมในการช่วยเหลือ

กรมสุขภาพจิต ขอขอบคุณทีมอาสาสมัคร บุคลากรสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่ปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่นและเสียสละ โดยถือว่าทุกท่านคือฮีโร่ในสถานการณ์วิกฤตนี้ และกรมสุขภาพจิตพร้อมที่จะดูแลด้านสุขภาพจิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

กรมสุขภาพจิต ห่วงใยทีมกู้ภัยน้ำท่วมใต้ แนะดูแลจิตใจขณะปฏิบัติภารกิจ

ทั้งนี้ ในสถานการณ์วิกฤต ขอให้สังคมร่วมกันส่งกำลังใจและมองข้ามความก้าวร้าวที่เกิดขึ้นชั่วคราว โดยทำความเข้าใจถึงที่มาของความเจ็บปวดและความเครียดที่ซ่อนอยู่ภายใน เพื่อไม่ให้เกิดการตีตราหรือสร้างบาดแผลทางใจซ้ำเติมผู้ประสบภัย

กรมสุขภาพจิตพร้อมจะอยู่เคียงข้างประชาชนทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน หากประชาชนมีความเครียด กังวลใจ หรือพบเห็นคนใกล้ชิดมีปัญหาสุขภาพจิต สามารถโทรปรึกษาได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง