หมอแนะวิธีสังเกต อาการ “โรคเบาหวาน” ระยะแรก การป้องกันและแนวทางรักษา

15 พ.ย. 2568 | 06:24 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2568 | 06:34 น.

แพทย์ชี้วิธีสังเกตอาการ “โรคเบาหวาน” ระยะแรก ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง การตรวจและวินิจฉัย การดูแล ป้องกัน และรักษา

KEY

POINTS

  • สัญญาณเตือนระยะแรกของโรคเบาหวาน ได้แก่ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำผิดปกติ หิวบ่อยแต่น้ำหนักลด อ่อนเพลีย และแผลหายช้า
  • แนวทางการป้องกันคือการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพประจำปี
  • การรักษามุ่งเน้นการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ผ่านการปรับพฤติกรรม การใช้ยา และการติดตามผลกับแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากภาวะที่ร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอย่างถูกวิธี อาจส่งผลต่อหลอดเลือด หัวใจ ไต ตา และระบบประสาท

แพทย์หญิงนันทิยา ธีระภคนันท์ อายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล ให้ข้อมูลว่า  “โรคเบาหวาน” แบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ได้แก่   

1. เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes): ร่างกายไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เลย มักพบในเด็กและวัยรุ่น ต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลิน

2. เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes): ร่างกายสร้างอินซูลินได้แต่ใช้งานไม่ได้เต็มที่ มักพบในผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด

3. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes): เกิดขึ้นในหญิงตั้งครรภ์จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งส่วนใหญ่มักหายไปหลังคลอด แต่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต

อาการโรคเบาหวานระยะแรกที่พบบ่อย

ระยะแรกของโรคเบาหวาน ผู้ป่วยจำนวนมากอาจยังไม่รู้ตัว แต่ร่างกายจะเริ่มส่ง “สัญญาณเตือน” หลายอย่างที่ควรสังเกต ได้แก่

1. ปัสสาวะบ่อย : ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงทำให้มีน้ำตาลรั่วออกทางปัสสาวะ จึงทำให้ปัสสาวะมากและบ่อย

2. กระหายน้ำผิดปกติ : เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะบ่อย จะทำให้รู้สึกกระหายน้ำตลอดเวลา

3. หิวบ่อยแต่ น้ำหนักลด : ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ตามปกติ จึงเกิดความรู้สึกหิวบ่อย แม้จะรับประทานมากแต่น้ำหนักกลับลดลง

4. เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง : เนื่องจากเซลล์ไม่ได้รับพลังงานจากน้ำตาลอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย

5. แผลหายช้า ติดเชื้อง่าย : ระดับน้ำตาลในเลือดสูงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลง ส่งผลให้แผลหายช้า โดยเฉพาะที่เท้าและขา

6. ตามัว เห็นภาพเบลอ : น้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้ของเหลวเข้าสู่เลนส์ตา เกิดการบวมชั่วคราวและมองเห็นไม่ชัด

หมอแนะวิธีสังเกต อาการ “โรคเบาหวาน” ระยะแรก  การป้องกันและแนวทางรักษา

ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง

  • พันธุกรรมหรือมีคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน
  • น้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วนลงพุง
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง
  • ความเครียดและการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ

วิธีตรวจและวินิจฉัยโรคเบาหวาน

การตรวจหาน้ำตาลในเลือดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  • Fasting Blood Sugar (FBS): ตรวจระดับน้ำตาลหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
  • HbA1c Test: ตรวจระดับน้ำตาลสะสมย้อนหลัง 3 เดือน
  • Oral Glucose Tolerance Test (OGTT): ตรวจหลังดื่มน้ำตาล

การรักษาโรคเบาหวาน

ปัจจุบันโรคเบาหวานยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยแนวทางการรักษาประกอบด้วย

1. การปรับพฤติกรรมและการดูแลตนเอง

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ไม่หวาน ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไขมันต่ำ
  • ลดอาหารหวาน มัน เค็ม และควบคุมปริมาณข้าวหรือคาร์โบไฮเดรต
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
  • พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด

2. การใช้ยา

แพทย์จะพิจารณาการให้ยาอย่างเหมาะสม โดยดูหลายองค์ประกอบ ทั้งโรคร่วม และระดับน้ำตาล เพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งในแง่การลดน้ำตาลในเลือด และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต เช่น โรคไต หรือ  โรคหัวใจ

3. การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (FBS, HbA1c) ทุก 2-6 เดือน
  • ตรวจการทำงานของไต ดวงตา และปลายประสาทเป็นประจำ
  • ปรึกษาแพทย์ชำนาญการเพื่อปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

แนวทางดูแลตัวเองเมื่อเริ่มมีอาการเบาหวานระยะแรก

1. ปรับพฤติกรรมการกิน ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเป็นหลัก

2. ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาที/วัน

3. ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ

4. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

5. พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

หากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น

  • โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ไตวายเรื้อรัง
  • เบาหวานขึ้นตา จนถึงขั้นตาบอด
  • เส้นประสาทเสื่อม ชาปลายมือปลายเท้า
  • แผลเรื้อรังที่เท้า อาจติดเชื้อจนต้องตัดอวัยวะ

แนวทางป้องกันโรคเบาหวาน

  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
  • รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 3–5 วันต่อสัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์
  • ตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ

ทำไมควรตรวจคัดกรองเบาหวานตั้งแต่เนิ่น ๆ

การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลได้ง่ายขึ้น ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ไตวาย ตาบอด หรือปลายประสาทเสื่อม และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ

อย่างไรก็ตาม โรคเบาหวานระยะแรกมักจะไม่มีอาการเลย หากไม่ได้ตรวจร่างกายเป็นประจำก็ไม่สามารถรู้ได้ แต่หากเริ่มมีอาการเหล่านี้ เช่น ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยง่าย หิวบ่อย ก็เป็นสัญญาณเตือนว่ามีรพดับน้ำตาลที่ค่อนบ้างสูงแล้ว ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพกับแพทย์ เพื่อป้องกันก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง