'เบาหวาน' รักษาได้แต่ไม่หายขาด แนะวิธีทำให้โรคสงบด้วยตัวเอง

04 ต.ค. 2568 | 07:55 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ต.ค. 2568 | 08:02 น.

นายกสมาคมโรคเบาหวานฯ เผย คนไทยป่วยเบาหวานเพิ่มต่อเนื่องยอดผู้ป่วยสะสมพุ่ง เตือน โรคนี้รักษาได้แต่ไม่หายขาด แนะปรับพฤติกรรมกินอาหารใช้ สูตร 2–1–1 เน้นผักใบ นับคาร์บ

KEY

POINTS

  • โรคเบาหวานเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถดูแลตนเองจนทำให้โรคเข้าสู่ "ระยะสงบ" (Diabetes Remission) ได้
  • การทำให้โรคสงบสามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการกินอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เช่น การกินตามสูตร 2-1-1 (ผัก 2 ส่วน โปรตีน 1 ส่วน คาร์โบไฮเดรต 1 ส่วน) เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องพึ่งยา
  • ภาวะโรคสงบหมายถึงการที่ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลก่อนอาหารให้ต่ำกว่า 126 มก./ดล. และ/หรือค่าระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c) ต่ำกว่า 6.5% ซึ่งเป็นเกณฑ์ของคนที่ไม่เป็นเบาหวาน

ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 2–3 แสนราย ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยสะสมมากกว่า 6 ล้านคนแล้วแม้จะเป็นตัวเลขที่สูงแต่ด้วยการดูแลรักษาและนโยบายด้านสุขภาพที่เข้มแข็งขึ้นโดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท และการขับเคลื่อนเพื่อลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ทำให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมโรคได้ดีขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น

ผู้ป่วยเบาหวานในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ เบาหวานชนิดที่ 1 เบาหวานชนิดที่ 2 เบาหวานชนิดไฮบริด (ผสมระหว่างชนิดที่ 1 และ 2) เบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ เช่น จากพันธุกรรม เบาหวานที่พบร่วมกับโรคเรื้อรัง เบาหวานที่เกิดจากยาหรือสารเคมี และเบาหวานในหญิงขณะตั้งครรภ์ (ส่วนใหญ่หายหลังคลอด)

โรคเบาหวานเกิดได้ในทุกวัย ตั้งแต่ทารกเพียง 6  เดือน เด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน จนถึงผู้สูงอายุ โดยมีทั้งปัจจัยจากพันธุกรรม อายุที่มากขึ้น และพฤติกรรมการใช้ชีวิต ประกอบด้วย การรับประทานอาหารไม่เหมาะสม การขาดการออกกำลังกายและความเครียด

อย่างไรก็ดี แม้โรคเบาหวานจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 กลุ่มหนึ่งสามารถทำให้โรคเข้าสู่ "ระยะสงบ" (Diabetes Remission) ได้ หากผู้ป่วยร่วมมืออย่างจริงจังในการดูแลสุขภาพตนเองโดยเฉพาะการปรับพฤติกรรมการกินที่ถูกต้องและต่อเนื่องซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจนร่างกายคุ้นชินกับพฤติกรรมที่ปรับใหม่ สามารถคุมระดับน้ำตาลได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย

เกณฑ์ในการประเมินว่า โรคเบาหวานอยู่ในระยะสงบ แพทย์จะวัดจากระดับน้ำตาลก่อนอาหารต่ำกว่า 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และ/หรือค่าระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c หรือ A1C) ต่ำกว่า 6.5% ซึ่งถือว่า อยู่ในภาวะที่ไม่เป็นเบาหวานแต่ยังต้องควบคุมอย่างต่อเนื่อง เบาหวานชนิดอื่นไม่สามารถทำให้โรคเข้าสู่ระยะสงบได้

ในส่วนระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีสิทธิประโยชน์ครอบคลุมทั้งการคัดกรองและรักษาโรค รวมถึงนโยบาย "นับคาร์บ" ของทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่มุ่งให้ความรู้ประชาชนด้านโภชนาการเพื่อลดการพึ่งพายา

นอกจากนี้ สปสช. ยังได้ปรับกลไกการจ่ายชดเชยแบบเน้นผลลัพธ์โดยหากหน่วยบริการสามารถดูแลผู้ป่วยให้เข้าสู่ระยะสงบจะได้รับเงินชดเชย 4,000 บาทต่อรายและหากควบคุมได้ต่อเนื่องครบ 1 ปี จะได้รับเพิ่มรวมเป็น 6,000 บาทต่อราย ถือเป็นแรงจูงใจให้โรงพยาบาลและหน่วยบริการตั้งเป้าหมายดูแลผู้ป่วยอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณการรักษาของประเทศได้อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระบบการรักษาโรคเบาหวานจะมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและได้ผลลัพธ์ที่ดีแต่ก็ยังมีความท้าทายอยู่มาก คือการคัดกรองกลุ่มเสี่ยง พบว่า ยังมีถึงร้อยละ 30 ของประชากรที่เป็นโรคแต่เข้าไม่ถึงการตรวจคัดกรองโรคเบาหวานโดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน หากสถานประกอบการไม่มีการตรวจสุขภาพประจำปี โอกาสในการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็ยิ่งลดลงและทำให้พนักงานหลายคนไม่รู้ตัวว่า ร่างกายมีภาวะเสี่ยงเกิดขึ้นหรือป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว

อาการโรคเบาหวานที่สามารถสังเกตเบื้องต้นด้วยตัวเอง อาทิ คอแห้ง กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย น้ำหนักลดผิดปกติ รวมถึงอาการแทรกซ้อนอย่างมือเท้าชา ตาฝ้ามัว หรือในผู้ชายบางรายมีภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์และตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

'เบาหวาน' รักษาได้แต่ไม่หายขาด แนะวิธีทำให้โรคสงบด้วยตัวเอง

เมื่อมีภาวะเสี่ยงต่อโรคเบาหวานแล้ว สิ่งสำคัญที่สุด คือ การปรับพฤติกรรมการบริโภค โดยมีสูตรการรับประทานอาหารจานเดียวคือ สูตร 2–1–1 ซึ่งเป็นแนวทางที่ง่ายและได้ผลดี คือ ในจานอาหาร ขนาด 9 นิ้ว จะแบ่งเป็น 4 ส่วน โดยครึ่งจาน หรือ 2 ใน 4 ส่วนของจานจะต้องเป็นผัก เน้นผักใบ อาจมีผลไม้

อีก 1 ส่วนจะต้องเป็นโปรตีนหรือเนื้อสัตว์ต่าง ๆ และอีก 1 ส่วนคือ ข้าว หรือคาร์โบไฮเดรตอื่น ๆ อาทิ ขนมปัง เส้นต่าง ๆ ในส่วนนี้จะต้องมีการนับคาร์บเพื่อควบคุมปริมาณ การกินในสัดส่วนที่เหมาะสมจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานได้ ที่สำคัญในผู้ป่วยเบาหวานยังช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนเรื้อรังจากเบาหวานได้

"โรคเบาหวานถึงจะรักษาได้แต่ก็ไม่หายขาด ดังนั้น การป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว เราสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในระยะสงบได้ โดยควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายให้ต่ำกว่าเกณฑ์เสี่ยง ผ่านการดูแลตัวเองและการติดตามใกล้ชิดจากแพทย์

หากไม่สามารถเข้าสู่เบาหวานระยะสงบได้ การควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้ตามเป้าหมาย คือ น้อยกว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือค่าระดับน้ำตาลสะสม A1C ต่ำกว่า 7.0% จะช่วยป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ระดับหนึ่ง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต เบาหวานขึ้นตา หรือแผลที่เท้า ที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการทำงานของอวัยวะ เสียอวัยวะ หรือ เสียชีวิตก่อนวัยอันควร 

โรคเบาหวานขณะนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันป้องกันและควบคุม เพื่อให้คนไทยห่างไกลและลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานนี้ ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย กล่าว