KEY
POINTS
นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ –ภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ธุรกิจเสริมอาหารของไทยเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย โดยโอกาสใหม่ทางการตลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมูลค่าตลาดเสริมอาหารทั่วโลก และตลาดภูมิภาคเอเชียที่มีแนวโน้มขยายตัวทุกปีจากปัจจัยผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพและดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากกว่าการรักษา
ดังนั้น ตลาดเสริมอาหารในไทยยังต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากผู้ผลิตและแบรนด์ในต่างประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการรายใหม่ในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีในเรื่องของต้นทุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่สำคัญของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ดังนั้น อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จึงจัดเต็ม 2 งานใหญ่ งาน Fi Asia 2025 และ Vitafoods Asia 2025 ดึง 1,500 แบรนด์ จาก 70 ประเทศทั่วโลกในงาน มารวมตัวกันระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ครอบคลุมทั้ง ชั้น LG, G และชั้น 1
"ทั้งสองงานเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ตอบโจทย์กระแส Functional Foods & Beverages, Future Foods และ Nutraceuticals ที่กำลังมาแรงและเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดเอเชียและระดับโลก ในงานจึงครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจส่วนผสมอาหารและสุขภาพ ตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์และบริการครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ทุกเทรนด์ที่กำลังเติบโตในตลาดเอเชียและตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็น Functional Foods & Beverages, Future Foods และ Nutraceuticals คาดว่าจะมีผู้ร่วมชมงาน 36,000 ราย"
นางสาวรุ้งเพชร กล่าวว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ มีความตั้งใจที่จะผลักดันให้เกิด 3 เรื่องที่สำคัญขึ้นในประเทศไทย คือ 1.สร้างโอกาสผู้ประกอบการไทยได้เข้าถึงเทคโนโลยีและส่วนผสมใหม่ ๆ เช่น โปรตีนทางเลือกจากพืชและจุลินทรีย์, สารสกัดจากสมุนไพรที่มีคุณสมบัติเฉพาะ, และเทคโนโลยีการผลิตที่ยั่งยืน
2.สร้างเครือข่ายธุรกิจระดับสากล งานในครั้งนี้เป็นการรวมตัวของผู้ผลิต ผู้ซื้อ และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกกว่า 30,000 คน จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
3.ยกระดับความน่าเชื่อถือ การได้นำเสนอผลิตภัณฑ์บนเวทีนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ และยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ของไทยมีคุณภาพทัดเทียมกับมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ ความสำคัญของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารและนวัตกรรมนั้น นางสาวรุ้งเพชร กล่าวว่า การผลักดันไปสู่เป้าหมาย “ศูนย์กลางนวัตกรรม Food Ingredient แห่งเอเชีย” พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับในเวทีระดับโลก เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในการทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมให้ผู้ประกอบการไทยได้เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ และตลาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยการผสมผสานมาตรฐานและความปลอดภัยระดับสากล นวัตกรรมและงานวิจัยเชิงลึก การพัฒนาแบรนด์และการตลาดโลก ความยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า สำคัญคือความร่วมมือระหว่างรัฐ – เอกชน – วิชาการ
ส่วนอุตสาหกรรม Health and Wellness ประเทศไทยมีเป้าหมายหลักคือการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นักท่องเที่ยวทั่วไป นักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว (long stay) และกลุ่มผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีเป้าหมายที่การผลักดันไทยให้เป็น Health and Wellness Hub หรือ ศูนย์กลางด้านสุขภาพและการให้บริการด้านสาธารณสุข ครอบคลุมบริการสปา ศูนย์บริการทางการแพทย์ โรงพยาบาล ตลอดจนร้านอาหารต่าง ๆ
โดยที่ผ่านมา ประเทศไทยยังมีขีดความสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากการยอมรับด้านคุณภาพบริการและโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้นักท่องเที่ยวในเอเชียส่วนใหญ่เลือกมาประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพ จากการผลิต Functional Ingredients เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ, โปรตีนจากพืช, เสริมภูมิคุ้มกัน, Anti-aging ที่ตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุและผู้รักสุขภาพ ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบเฉพาะ (Specialty Ingredients) จากต่างประเทศ ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงโภชนาการที่ดีขึ้น และลดภาระด้านสาธารณสุขในระยะยาว
โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมภูมิคุ้มกัน อาหารบำรุงสมอง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพผิว ที่ผู้ประกอบการไทยมีจุดแข็งในการแข่งขัน ทั้งในด้านวัตถุดิบและภูมิปัญญาไทย ที่สามารถนำมาสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงมาตรฐานการผลิตระดับสากลที่ได้รับการยอมรับ