ทนายเดชา แจง 3 สาเหตุถอนตัวจากทนายแม่แตงโม

26 พ.ค. 2565 | 09:16 น.

ทนายเดชา แจงทุกประเด็น เหตุถอนตัวจาก การเป็นทนายความของแม่แตงโม พร้อมเผยมีภาพลับคนดัง 30 กว่าภาพ หวั่นถูกปล่อยแบล็กเมล์

วันนี้ (26 พ.ค. 65) ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์  เผยว่า 3 เหตุผลหลักๆ ที่ถอนตัวออกจากการเป็นทนายความแม่แตงโม และคดีแตงโม ดังนี้

เหตุผลข้อ 1 คือความคิดเห็นทางคดีที่ไม่ตรงกัน แม่จะเชื่อ สส.เต้ , เชื่ออัจฉริยะ, เชื่อบังแจ็ค คณะของเขาว่าเป็นคดีฆาตกรรม แม่ถามตนเองว่าสะดวกใจไหมในการทำคดีให้เป็นคดีฆาตกรรมซึ่งตนเองไม่สะดวกใจ เพราะพยานหลักฐานที่พนักงานอัยการกำลังจะฟ้องในวันพรุ่งนี้มันไปได้แค่คดีประมาท ตนเองจึงคุยกับคุณแม่ว่าขอถอนตัว ซึ่งแม่ก็โอเค

เหตุผลที่ 2 มาจากการแถลงข่าวเมื่อวานนี้เรื่องที่แม่แตงโมเอาโทรศัพท์แตงโมไปให้บังแจ็คและต่อมาก็มีภาพของแตงโมหลุดออกมาไปในที่สาธารณะ และแม่ก็ยังบอกว่าโทรศัพท์อยู่กับตนเอง ทำให้ตนเองรับไม่ได้ ซึ่งเมื่อวานก็ได้แถลงข่าวไปแล้ว ตนเองมองว่าไม่น่าจะเอาโทรศัพท์มือถือของแตงโมไปให้บังแจ็คแต่จะนำไปให้อัจฉริยะ สส.เต้ หรือหมอพรทิพย์ ก็จะไม่ว่าอะไร เพราะบางจากเป็นคนที่สังคมไม่น่าให้ความน่าเชื่อถือ

 

เหตุผลข้อ 3 แม่ไม่พอใจทนายตั้ม แล้วให้ตนเองไปคุยกับทนายตั้มให้มาขอโทษ แต่ทนายตั้มไม่มาขอโทษแม่บอกให้ฟ้องทนายตั้ม ตนเองก็เผยว่าตนเองเป็นเพื่อนกับทนายตั้มและขอไม่ฟ้องทนายตั้ม นี่คือ 3 เหตุผลที่ทำให้ตนเองขอประกาศยุติบทบาท แม่ไม่ได้ปลดตนเองและตนเองยังจะต้องรับผิดชอบคดีไปจนถึงวันอัยการสั่งฟ้องศาล

จากนี้มีความรู้สึกเป็นห่วงคุณแม่ว่าจะไปได้ถึงฝั่งหรือไม่ ภาวนาให้ชนะคดีเนื่องจากว่าช่วงนี้มีคนเข้ามาทำความรู้จักเยอะ ก็ฝากคุณดายศ ไปดูแลคุณแม่ด้วย โดยเฉพาะบังแจ็ค ไม่รู้พูดอย่างไร จนได้โทรศัพท์ไป เนื่องจากข้อมูลในโทรศัพท์มีการกระทบกับบุคคลภายนอกจำนวนมากและเชื่อว่าวันข้างหน้าจะต้องมีการปล่อยภาพรับออกมาอีกซึ่งจะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงเสียหายและยังห่วงว่าอาจจะมีการเรียกเงินแบล็กเมล์อันนี้น่าเป็นห่วง  เนื่องจากมีภาพที่อันตรายต่อผู้มีชื่อเสียงกว่า 30 ภาพ

ส่วนแม่จะถูกดำเนินคดีในการส่งโทรศัพท์ไปให้บังแจ็คหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าแม่มีส่วนว่าสนับสนุนการกระทำความผิดหรือไม่ตามที่บังแจ็ค บอกว่าได้ขออนุญาตแม่ทั้งหมดแม่จึงต้องไปชี้แจงกับผู้การไซเบอร์ ว่ามีความผิดใช้สนับสนุนหรืออย่างไรหรือไม่ จริงๆ ตนเองได้นัดไว้แล้วว่าจะให้พาแม่ไปพบผู้บัญชาการไซเบอร์แต่สุดท้ายแล้วคุณแม่ก็ไม่ไป

ยืนยันตัวเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแม่ เพราะตนเองนั้นติดตามคดีมาตลอดและมีข้อมูลเยอะ ถ้าเป็นประโยชน์กับแม่ก็ยินดี ยังรักกันเหมือนเดิมและกำลังจะชวนไปกินข้าว ตนเองมองว่าพยานหลักฐานไปไม่ถึงคดีฆาตกรรม แต่ในขณะที่อัจฉริยะและสสเต้มีการไปค้นหาพยานหลักฐานอาจจะมีพยานหลักฐานดีที่สามารถพิสูจน์ว่าเป็นคดีฆาตกรรมได้ ถ้าเป็นคดีฆาตกรรมได้ก็เป็นประโยชน์กับลูกความซึ่งจุดนี้เราไม่ขัดอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นห่วงแม่ว่าจะไปได้ถึงฝั่งหรือไม่ และภาวนาว่าขอให้ชนะคดี