นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยผลการดำเนินงานของธนาคาร ปี 2566 ว่า ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้กว่า 70,695 ล้านบาท สร้างสถิติใหม่สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารมาใน 22 ปี และมีกำไร 613 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงต่อเนื่อง อยู่ที่ 8.38%
“เราสามารถบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาหนี้เสียให้ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากในอดีตที่ผ่านมา หนี้เสียแบงก์อยู่ที่ 22% และยังมีเอสเอ็มอีที่อ่อนแอและอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ 20,000 ล้านบาท ซึ่งแบงก์ยังมีการตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีสูงกว่า 103.4% ถือว่ามีความแข็งแกร่ง ส่วนปี 2567 เราวางเป้าหมายปล่อยสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอี 90,000 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (2563-2566) ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์โควิด ธนาคารได้ช่วยเหลือดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องให้สามารถประคับประคองธุรกิจ โดยเติมทุนช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 231,250ล้านบาท ก่อให้เกิดประโยชน์สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านบาท และช่วยรักษาการจ้างงานได้ประมาณ 752,345 ราย ควบคู่กับช่วยพัฒนาเสริมศักยภาพ
นอกจากนั้น ยังได้มีการเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการด้วยการจัดอบรมสัมมนา ช่วยขยายตลาด ยกระดับมาตรฐาน สนับสนุนเข้าถึงนวัตกรรม พาจับคู่เพิ่มช่องทางขายในและต่างประเทศเป็นต้น มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าร่วมและได้รับประโยชน์มากกว่า 75,000 ราย
สำหรับปี 2567 การทำงานของ SME D Bank ยกระดับไปอีกขั้น นำระบบดิจิทัลใหม่ หรือ Core Banking System (CBS) ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องกว่า 2 ปี มาใช้งานอย่างเป็นทางการ สามารถให้บริการทางการเงินแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ครบวงจร ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง สะดวกรวดเร็ว และปลอดภัย
นอกจากนั้น ยังมีแพลตฟอร์ม DX (Development Excellent) ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนมี.ค. 2567 ซึ่งเป็นระบบพัฒนาผู้ประกอบการอัจฉริยะสร้างสังคมของการเรียนรู้ e-Learning ศึกษาได้ด้วยตัวเอง 24 ชม. สามารถปรึกษาโค้ชมืออาชีพแบบตัวต่อตัวรวมถึง ยังช่วยเพิ่มช่องทางขยายตลาด ขณะเดียวกัน จะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วย