“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานว่า เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา แข็งค่าแตะระดับ 35.70 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือนท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก และสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ทั้งนี้เงินดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลง โดยเฉพาะหลังการรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือน ต.ค. ของสหรัฐ ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด
ทั้งนี้ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ (ดัชนี CPI) เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 7.9% ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เพิ่ม 6.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดที่ 6.5% เช่นกัน
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐ ยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากท่าทีของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งสะท้อนว่า เฟดอาจปรับขนาดการขึ้นดอกเบี้ยให้มีความแข็งกร้าวน้อยลงในการประชุม FOMC รอบถัดๆ ไป ด้วยเช่นกัน
ขณะที่เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังสอดคล้องกับสถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้าซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 7-11 พ.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 14,091 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรมากถึง 77,110 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิพันธบัตร 79,556 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 2,446 ล้านบาท
ทั้งนี้วันศุกร์ที่ 11 พ.ย. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.92 บาทต่อดอลลาร์ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือนที่ 35.70 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 37.57 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (4 พ.ย.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (14-18 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 35.30-36.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ต.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และอัตราการว่างงาน ด้วยเช่นกัน