เงินบาทปิดตลาดที่ 35.92 บาทต่อดอลลาร์ฯ

11 พ.ย. 2565 | 11:56 น.

เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทางสกุลเงินเอเชียในภาพรวม -กรอบการเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 14-18พ.ย.2565 คาดไว้ที่ระดับ 35.30-36.50 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทแข็งค่าหลุดแนว 36.00 ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือนที่ 35.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะลดช่วงบวกลงบางส่วนมาปิดตลาดที่ 35.92 บาทต่อดอลลาร์ฯ

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทางสกุลเงินเอเชียในภาพรวม ซึ่งมีแรงหนุนจากการประเมินของตลาดว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับลดขนาดการขึ้นดอกเบี้ยให้มีความแข็งกร้าวน้อยลงในการประชุม FOMC รอบถัดๆ ไป

หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงกว่าที่คาด ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจาก Sentiment ของค่าเงินหยวนที่ฟื้นตัวขึ้นรับข่าวที่ระบุว่า ทางการจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด

 

โดยมีการลดวันกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ นอกจากนี้ เงินบาทที่แข็งค่ายังสอดคล้องกับสถานะพอร์ตซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในวันนี้ที่ 5,337 ล้านบาท และ 5,250 ล้านบาท ตามลำดับ

 

 

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 โดยธปท. อยู่ที่ -33.90 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -29.41 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 14-18พ.ย.2565 คาดไว้ที่ระดับ 35.30-36.50บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และอัตราการว่างงาน ด้วยเช่นกัน