ราคาทองคำพุ่งแรงทั่วโลก เจาะเบื้องหลังแรงซื้อ–5 ปัจจัยหนุนตลาดโลก

24 ต.ค. 2568 | 22:00 น.

ราคาทองคำโลกขยับขึ้นแรงแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี ท่ามกลางแรงซื้อจากธนาคารกลางและนักลงทุนที่เร่งสะสมสินทรัพย์ปลอดภัย หลังเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญชี้ 5 ปัจจัยหลักหนุนราคาทองคำพุ่งต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจาก 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์, การเข้าซื้อของธนาคารกลาง, ภาวะเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย และปริมาณการผลิตจากเหมือง
  • ทองคำถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven) ที่มูลค่ามักจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่ตลาดผันผวนจากความขัดแย้งหรือวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองมากขึ้น
  • การดำเนินนโยบายดอกเบี้ยมีผลต่อราคาทองคำ โดยเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงจะทำให้ทองคำน่าสนใจมากขึ้น ในทางกลับกันหากดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาทองคำมักจะปรับตัวลดลง
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาทองคำในปี 2026 อาจเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 2,850–4,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

ราคาทองคำในตลาดโลกถูกกำหนดจากทั้ง “ราคาสปอต” และ “ราคาฟิวเจอร์ส” ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก ขณะที่แนวโน้มปี 2026 นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองคำจะอยู่ระหว่าง 2,850–4,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

แล้วใครเป็นผู้ตัดสินว่าทองคำมีมูลค่าเท่าใด ราคาทองคำถูกกำหนดอย่างไร ราคาทองคำสามารถถูกเสนอในหลายรูปแบบ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ซื้อขายได้หลายวิธี ราคาหลักที่นักลงทุนควรรู้จักคือ “ราคาสปอต” และ “ราคาฟิวเจอร์ส”

ราคาสปอต (Spot Price)

ราคาสปอต หมายถึง “ราคาตลาดปัจจุบันต่อออนซ์” สำหรับทองคำแท่งในรูปวัตถุดิบ ซึ่งบางครั้งเรียกว่า “ทองคำสปอต” (Spot Gold) กองทุน ETF ที่มีสินทรัพย์หนุนหลังเป็นทองคำจริงมักจะอ้างอิงและเคลื่อนไหวตามราคาสปอตนี้

ราคาสปอตมักต่ำกว่าราคาที่ผู้ซื้อจะต้องจ่ายเมื่อซื้อทองคำแท่ง เหรียญทอง หรือเครื่องประดับ เนื่องจากราคาขายปลีกจะมีการบวก “ค่าพรีเมียมทองคำ” (Gold Premium) ซึ่งครอบคลุมต้นทุนการกลั่น การตลาด ค่าใช้จ่ายของผู้ค้าปลีก และกำไร ดังนั้นราคาสปอตจึงเปรียบได้กับ “ราคาขายส่ง” ขณะที่ราคาขายปลีกคือราคาสปอตบวกพรีเมียมทองคำ

ราคาฟิวเจอร์ส (Gold Futures)

ราคาฟิวเจอร์ส คือสัญญาที่กำหนดให้มีการซื้อขายทองคำในราคาที่ระบุไว้ล่วงหน้า ณ วันที่ในอนาคต สัญญาเหล่านี้ซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยน (Exchange-Traded) และมีสภาพคล่องสูงกว่าการถือทองคำจริง การชำระบัญชีจะเกิดขึ้นเมื่อครบกำหนดสัญญาหรือก่อนหน้านั้น โดยอาจเป็นการชำระด้วยเงินสด หรือส่งมอบทองคำจริงให้ผู้ซื้อ

การชำระด้วยเงินสด (Cash Settlement) หมายถึงการชำระผลกำไรหรือขาดทุนของสัญญาเป็นเงินสด ส่วนการส่งมอบ (Delivery) หมายถึงผู้ขายส่งมอบทองคำจริงให้แก่ผู้ซื้อในราคาที่ตกลงไว้ในสัญญา

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ

ราคาสปอตและราคาฟิวเจอร์สของทองคำถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของตลาด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่

เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์

ทองคำถือเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe-Haven Asset) ซึ่งสามารถรักษามูลค่า หรือแม้แต่เพิ่มขึ้นได้ในช่วงที่ตลาดหุ้นและสินทรัพย์อื่น ๆ มีความผันผวนหรืออยู่ในภาวะถดถอย เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งทางทหาร หรือข้อพิพาททางการค้า มักทำให้ตลาดหุ้นผันผวนและกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือทองคำมากขึ้น

แนวโน้มการซื้อทองของธนาคารกลาง

ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เนื่องจากราคาทองคำไม่ได้ผูกกับระบบธนาคารที่อาจถูกควบคุมหรือเผชิญความเสี่ยงจากการล่มสลาย การซื้อขายทองคำในปริมาณมากของธนาคารกลางจึงมีผลโดยตรงต่ออุปทานทองคำในตลาดโลก

เงินเฟ้อ

นักลงทุนจำนวนมากมองว่าทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่มีประสิทธิภาพ ราคาสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นมักกระตุ้นให้อุปสงค์ทองคำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

อัตราดอกเบี้ย

เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาทองคำมักปรับตัวลดลง ในทางกลับกัน เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ราคาทองคำจะมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากทองคำไม่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ย จึงมักเสียเปรียบต่อสินทรัพย์เงินสดหรือสินทรัพย์ตราสารหนี้ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น

การผลิตเหมืองทองคำ

กิจกรรมการทำเหมืองส่งผลโดยตรงต่ออุปทานทองคำในตลาดโลก ขณะที่ต้นทุนการผลิตมีผลต่อระดับราคาทองคำโดยรวม

ราคาทองคำในอดีต

ในเชิงประวัติศาสตร์ ราคาทองคำฟิวเจอร์สมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะเมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อ แนวโน้มสำคัญในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้แก่

  • เมษายน 1934 ถึง กรกฎาคม 1970 ทองคำปรับลดลงมากกว่า 65% ในแนวโน้มขาลงระยะยาว
  • กรกฎาคม 1970 ถึง มกราคม 1980 ทองคำปรับขึ้นเกือบ 850% อย่างรุนแรง
  • มกราคม 1980 ถึง กุมภาพันธ์ 2001 ทองคำปรับลง 82%
  • กุมภาพันธ์ 2001 ถึง กันยายน 2025 ทองคำปรับขึ้น 591%

การถือครองทองคำอาจทำให้คุณเผชิญแนวโน้มยาวนานลักษณะเดียวกัน จึงสำคัญที่ต้องกำหนดสัดส่วนการลงทุนอย่างรอบคอบ

ในช่วงปีที่ทรงตัวหรือซบเซา ตำแหน่งทองคำจะกดทับผลตอบแทนรวมของพอร์ต หากมองว่าเป็นปัญหา สัดส่วนที่ต่ำกว่าจะเหมาะสมกว่า ตรงกันข้าม หากคุณยอมรับปีที่ทองคำด้อยกว่าระยะสั้นเพื่อแลกโอกาสในปีที่ดี สัดส่วนที่สูงกว่าจะเหมาะสม

ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปัจจุบัน

จนถึงเดือนกันยายน 2025 ราคาทองคำฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้น 46% จากปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่โครงสร้างภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รูปแบบใหม่ที่สร้างความตึงเครียดระหว่างประเทศ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์จากความขัดแย้งในยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลาง การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกระตุ้นให้ธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มการถือครองทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงออกจากสกุลเงินดอลลาร์

การคาดการณ์ราคาทองคำปี 2026

ในเดือนมิถุนายน 2025 J.P. Morgan คาดว่าราคาทองคำจะขึ้นแตะ 3,675 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาส 4 ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวถูกทำลายได้ในเดือนกันยายน ทั้งนี้ การวิเคราะห์เดียวกันยังประเมินว่าราคาทองคำในไตรมาส 4 ของปี 2026 จะอยู่ที่ 4,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นแตกต่างกัน ตามการรวบรวมประมาณการราคาทองคำ 11 ฉบับของ Reuters ราคาทองคำในปี 2026 อาจอยู่ระหว่าง 2,850 ถึง 4,025 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในอนาคต