KEY
POINTS
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ก็ได้มีโอกาสเดินไปยื่นหนังสือกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้อ่านแล้วก็สนับสนุนเห็นด้วยแล้วยังเซ็นลายเซ็นกำกับกับแนวทางที่สมาคมชาวนาได้เสนอไป ซึ่งทำให้ทางสมาคมจะนำไปแจ้งให้กับชาวนาทั่วประเทศทราบต่อไป
สาระสำคัญข้อเสนอ ดังนี้
1.ขอปรับราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอกจังหวัด ในโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 เป็น 13,000 บาทต่อตัน เช่นเดียวกับในพื้นที่ 23 จังหวัด เนื่องจากเป็นราคาที่ไม่สะท้อนราคาตลาดจริงและไม่เป็นธรรมกับชาวนา
2. ขอนำเสนอประเด็นการช่วยเหลือชาวนาดังนี้ อาทิเช่น ราคาข้าวเปลือก ต้นทุนการเพาะปลูก อาทิ ปุ๋ยยา พันธุ์ข้าว และแหล่งน้ำ และได้นำเสนอให้ “ช่วยเหลือชาวนาที่ไม่มียุ้งฉาง" และ "ไม่ได้เข้าร่วมโครงการชะลอการขายกับสถาบันเกษตรกร" ในอัตรา 500 บาทต่อตัน หรือต่อไร่ของฤดูปีการผลิต 2568/69 เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือชาวนาโดยตรงได้อย่างทั่วถึงไม่ตกหล่น
นายปราโมทย์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาการปลอมปนข้าวหอมมะลิในอีสาน โดยจะมีการบังคับห้ามข้าวจากภาคอื่นวิ่งขึ้นภาคอีสานหรืออาจต้องขออนุญาตเข้า) แต่อนุญาตให้เฉพาะข้าวจากภาคอีสานวิ่งลงมาภาคอื่นๆ ได้ เพราะกลัวว่าจะมีการนำข้าวชนิดอื่นจากภาคกลางและภาคอื่นๆ ขึ้นไปปลอมปน สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย "ไม่เห็นด้วย" กับแนวความคิดที่จะนำเสนอดังกล่าว
โดยจะมีผลกระทบกับชาวนา เพราะเมื่อชาวนาขายข้าวสดแล้ว การจัดการขนย้ายข้าวเปลือกสดของผู้รับซื้อต้องขนส่งอย่างเร่งด่วนหากขนส่งล่าช้าข้าวสดจะเกิดการเหม็นอับ เหม็นเปรี้ยว ส่งผลต่อคุณภาพข้าวเปลือกที่ต้องเดินทางระยะไกล จะส่งผลทำให้การรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาเกิดการชะลอ ชะงักติดขัด เนื่องจากผู้ซื้อจัดการขนย้ายข้าวเปลือกสดที่รับซื้อได้ไม่สะดวก เพราะขึ้นตอนซับซ้อน
“ข้าวสามารถปลอมปนได้ทุกพื้นที่ ไม่ว่าข้าวนั้นจะเป็นข้าวจากภาคอีสานหรือไม่ โดยไม่จำเป็นว่าเป็นข้าวที่นำไปผสมต้องมาจากภาคกลางเสมอไป เพราะในภาคอีสานเองก็ไม่ได้ปลูกแต่เฉพาะหอมมะลิชนิดเดียว”
ปัจจุบันข้าวหอมมะลิ มีการเพาะปลูกทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง โดยแต่ละพื้นที่ของทุกภาคมีการเพาะปลูกข้าวชนิดอื่นๆ ร่วมด้วย แล้วจะบังคับให้ชาวนาในภาคอีสาน ห้ามเพาะปลูกข้าวชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช้ข้าวหอมมะลิ หรือกำหนดพื้นที่ใดต้องปลูกข้าวเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง จะเป็นการจำกัดสิทธิ์ชาวนาที่จะเลือกปลูกข้าวที่ตนเองพิจารณาแล้วว่ามีผลตอบแทนที่ดีกว่า ไมว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิหรือข้าวชนิดอื่นๆ
อย่างไรก็ดีในข้อร้องเรียนต่างๆ เหล่านี้ในฐานะนายกสมาคมชาวนาฯ ก็ได้ส่งให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเซ็นรับหนังสือไปแล้ว พร้อมลายเซ็นกำกับรับเรื่องความเดือดร้อนของชาวนาทั่วประเทศ ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องชาวนาวางใจ ทางสมาคมจากนี้จะรายงานความคืบหน้าให้สมาชิกทั่วประเทศรับทราบความเคลื่อนไหว เป็นระยะๆ ถึงข้อร้องเรียนดังกล่าวข้างต้น นับว่าเป็นนิมิตรหมายดีที่ทำให้ทราบว่านายกรัฐมนตรีก็มีความห่วงใยและให้ความสำคัญกับชาวนา