จับตา นบข. เคาะมาตรการดูแลข้าวนาปี ลุยรับซื้อราคานำตลาด 3 ล้านตัน

24 ต.ค. 2568 | 08:15 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ต.ค. 2568 | 08:45 น.

พาณิชย์ ชง นบข. อนุมัติมาตรการดูแลข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 ดึง อคส.–อ.ต.ก.–ธ.ก.ส. รับซื้อในราคานำตลาด เป้าหมาย 3 ล้านตัน ควบคู่สินเชื่อชะลอขายและชดเชยดอกเบี้ยโรงสี

KEY

POINTS

  • กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอมาตรการดูแลราคาข้าวนาปี 68/69 ให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) พิจารณา
  • มอบหมายให้ 3 หน่วยงานรัฐ ได้แก่ องค์การคลังสินค้า (อคส.), องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และ ธ.ก.ส. เป็นผู้รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร
  • ตั้งเป้าหมายรับซื้อข้าวเปลือกจำนวน 3 ล้านตันในราคานำตลาด เพื่อช่วยพยุงและดึงราคาข้าวในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก

วันนี้ ( 24 ต.ค.2568) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) พิจารณามาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 เพิ่มเติม 

โดย 3 หน่วยงาน คือ องค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเข้ามารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร เป้าหมาย 3 ล้านตัน ในราคานำตลาด เพื่อช่วยดึงราคาข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตกำลังจะออกสู่ตลาดมาก

"ทั้ง 3 หน่วยงานจะรับซื้อตามศักยภาพของแต่ละหน่วยงาน ใครมีขีดความสามารถมาก ก็ซื้อมาก แต่อยู่ในเป้าหมาย 3 ล้านตัน เป็นลักษณะการซื้อมาขายไป เพราะมีลูกค้าที่จะจำหน่ายได้อยู่แล้ว เช่น กรมราชทัณฑ์ หรือหน่วยงานอื่น ๆ หรือการจำหน่ายในตลาดปกติ ส่วนวงเงินที่ใช้รับซื้อ เป็นเงินของหน่วยงาน ที่รัฐจะเข้ามาสนับสนุน และมีค่าบริหารจัดการให้" นายวิทยากร กล่าว

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการเพิ่มเติมจากที่ นบข. ได้เคยอนุมัติก่อนหน้านี้ คือ ให้สินเชื่อชะลอการขาย โดยเกษตรกรเก็บข้าวในยุ้งฉาง ได้ค่าฝากเก็บ 1,500 บาทต่อตัน เป้าหมาย 3 ล้านตัน ให้สินเชื่อรวบรวมข้าวสถาบันเกษตรกร 1.5 ล้านตัน ชดเชยดอกเบี้ยให้โรงสีเก็บสต๊อกข้าว 4 ล้านตัน

นอกจากนี้ ยังมีแผนเร่งระบายข้าว โดยจะผลักดันการส่งออกข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีนปริมาณ 5 แสนตัน และกับสิงคโปร์ 1 แสนตัน มีแผนช่วยสนับสนุนการส่งออกไปยังตลาดใหม่ เช่น เม็กซิโก และบังกลาเทศ เพื่อยึดตลาดข้าวไทยคืนมา ผลักดันใช้ปลายข้าวไปเป็นวัตถุดิบทำอาหารสัตว์ และผลักดันสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น สนับสนุนเครื่องสีข้าว ช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์

สำหรับข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 มีปริมาณ 26.99 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 17.54 ล้านตันข้าวสาร ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 6.05 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 3.9 ล้านตันข้าวสาร คิดเป็น 22% ของผลผลิตทั้งหมด คาดว่าจะออกสู่ตลาดมากช่วงเดือน พ.ย.2568 เป็นต้นไป 

โดยราคาข้าวปัจจุบัน (ณ วันที่ 22 ต.ค.2568) ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,200-16,500 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกปทุมธานี 8,200-8,700 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้า 6,100-6,800 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเหนียว 8,200-9,000 บาทต่อตัน โดยหาก 3 มาตรการดังกล่าวนบข.ไฟเขียวจะช่วยดันราคาข้าวเปลือกในราคาขึ้นประมาณ 3-5%

ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบ มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69 เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2568 ประกอบด้วย

1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งมีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรแสดงความประสงค์เข้าร่วมจำนวนแล้ว 133 แห่ง ในพื้นที่ 37 จังหวัด ใช้วงเงินสินเชื่อรวม 7,638.19 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณข้าวเปลือกที่จะเข้าร่วมโครงการ 763,819 ตัน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในระดับที่เหมาะสม

2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2568/69 โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สำรวจมีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรประสงค์เข้าร่วม 170 แห่ง ใน 40 จังหวัด รวมวงเงินสินเชื่อ 13,766.90 ล้านบาท รองรับข้าวเปลือกกว่า 1.37 ล้านตัน ฃ

3. โครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2568/69 ดำเนินการโดยกรมการค้าภายในและสมาคมโรงสี เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวสามารถรับซื้อและเก็บสต๊อกข้าว 2–6 เดือน มีเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือก 4 ล้านตัน โดยภาครัฐสนับสนุนดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี วงเงินงบประมาณจ่ายขาด 642 ล้านบาท โดยจะเริ่มรับซื้อตั้งแต่ 1 พ.ย. 2568 ถึง 31 มี.ค. 2569 และสิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค. 2570

ขณะที่ ราคา FOB วันนี้ 21 ต.ค.2568 ราคาข้าวข้าวไทย 5% อยู่ที่ 354 ดอลลาร์ต่อตัน ลดลง 40% เมื่อเทียบกับปี2567 ที่มีราคา 589 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนราคาข้าวขาวเวียดอยู่ที่ 374 ดอลลาร์ต่อตัน ลดลง 33% เมื่อเทียบกีบปีก่อนที่มีราคา 555 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนข้าวขาวเวียดนามอยู่ที่ 366 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน  

ส่วนราคาข้าวหอมมะลิของไทย ราคา 1,088 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนหอมมะลิของเวียดยนามราคาอยู่ที่ 488 ดอลลาร์ต่อตันยซึ่งถือว่าราคาถูกว่าไทยเท่าตัว