ชาวนาเตรียมชง 4 ปมร้อน ‘อนุทิน–นบข.’ 18 พ.ย. เร่งแก้วิกฤติข้าวไทย

15 พ.ย. 2568 | 09:03 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2568 | 09:20 น.

นายกสมาคมชาวนาฯ เตรียมนำเสนอ 4 ปมร้อน “อนุทิน-นบข.” นัดแรก แก้วิกฤติข้าวไทย จี้แก้ปัญหาใหญ่ข้าวเปลือกราคาร่วงหนัก ขายได้แค่ 4,000–5,000 บาทต่อตัน แต่แบกปุ๋ย–ยา–น้ำมันราคาโหด พร้อมเร่งปรับปรุงพันธุ์ข้าวใหม่หลังผลผลิตสู้เวียดนามไม่ได้

KEY

POINTS

  • สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยเตรียมเสนอ 4 ปัญหาเร่งด่วนต่อที่ประชุม นบข. ที่มีนายอนุทินเป็นประธานในวันที่ 18 พ.ย. เพื่อแก้ไขวิกฤตข้าวไทย
  • เรียกร้องให้แก้ปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำที่ชาวนาขายได้เพียงตันละ 4,000–5,000 บาท สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งค่าปุ๋ย ยา และน้ำมัน
  • เสนอให้เร่งพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าวไทยให้มีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้เหมือนประเทศคู่แข่ง
  • ผลักดันการพัฒนาแหล่งน้ำให้ทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก เพื่อให้มีน้ำใช้ในการเกษตรอย่างเพียงพอ

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า สมาคมชาวนาจะนำเสนอใน 3-4 เรื่องเร่งด่วนต่อที่ประชุม ได้แก่ ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ, การลดต้นทุนการผลิต, การพัฒนาแหล่งน้ำ และการปรับปรุงพันธุ์ข้าวไทยให้แข่งขันได้ในตลาดโลก

ปัจจุบันพันธุ์ข้าวที่ชาวนาไทยใช้ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ผลผลิตเหลือเพียง 300–400 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะที่ข้าวขาวทั่วไป(ข้าวเปลือกเจ้า) ก็ได้ไม่ถึง 1 ตันต่อไร่ ตรงข้ามกับเวียดนามที่ทำได้สูงถึง 1.4 ตันต่อไร่ นี่คือความเหลื่อมล้ำที่ทำให้ข้าวไทยไทยแข่งขันในตลาดโลกได้ยากขึ้น

ดังนั้นไทยจำเป็นต้องเร่งผลิตพันธุ์ข้าวใหม่และพัฒนาปรับปรุงพันธุ์เดิมให้ได้ผลผลิตต่อไรที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวนา โดยต้องตั้งเป้าว่าถ้าเป็นข้าวหอมมะลิต้องให้ได้ผลผลิต 700–800 กิโลกรัม(กก.) ต่อไร่ เราถึงจะอยู่ได้ เป็นต้น ส่วนข้าวเปลือกเจ้าทั่วไปอยากให้ทำให้ได้ระดับ 1 ตันต่อไร่ขึ้นไปเหมือนประเทศคู่แข่ง

“ปัจจุบันชาวนาไทยจำนวนมากยังต้องใช้พันธุ์ข้าวจากต่างประเทศ เช่นข้าวหอมพวง แทนพันธุ์ไทย เพราะให้ผลผลิตสูงกว่า ทั้งนี้เราอยากใช้พันธุ์ไทย แต่ต้องมีการปรับปรุงพันธุ์ให้เราก่อน”

สถานการณ์ราคาข้าวขณะนี้เข้าขั้นน่าเป็นห่วง นายปราโมทย์เผยว่า ข้าวเปลือกเจ้าความชื้นสูงที่ชาวนาขายได้อยู่เพียง 4,000–5,000 บาทต่อตัน ขณะที่ต้นทุนพุ่งไม่หยุด

  • ปุ๋ย ราคากระสอบละ 800–1,000 บาท
  • ยาฆ่าแมลง ลิตรละ 500–600 บาท
  • ค่าน้ำมัน ยังคงสูงต่อเนื่อง

“ผลผลิตเราน้อย แต่ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ชาวนาทำต่อแทบไม่ไหว เราเสนอแบบนี้มาหลายรอบแล้วก็ยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง” นายปราโมทย์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักใจ

ขณะเดียวกันแม้ปีนี้จะมีปริมาณน้ำในเขื่อนมาก แต่พื้นที่นาไทยยังมีจำนวนมากที่อยู่นอกเขตชลประทาน โดยเฉพาะภาคอีสานที่เผชิญความแห้งแล้งซ้ำซาก จำเป็นต้องเร่งพัฒนาแหล่งน้ำใหม่ให้ชาวนาเพื่อให้มีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างทั่วถึง

“ต้องเจาะบ่อบาดาล ขุดห้วย หนอง คลอง บึง หรือหาพื้นที่กักเก็บน้ำเพิ่มเติม เพราะทุกปีมีพื้นที่ขาดน้ำเป็นจำนวนมาก แม้จะอยู่ไม่ไกลจากเขื่อนก็ตาม” นายปราโมทย์ กล่าว

เมื่อถามถึงความคาดหวังต่อการประชุม นบข. ภายใต้รัฐบาลใหม่ นายปราโมทย์ตอบตรงไปตรงมาว่า “ไม่กล้าหวังอะไรมาก” เพียงแต่อยากรู้ว่าข้าวไทยจะไปทางไหน จะอยู่รอดได้อย่างไร

พร้อมย้ำว่าราคาข้าวในตลาดปัจจุบันต่ำกว่าที่รัฐบาลเคยประกาศมาก โดยภาครัฐบอกว่าข้าวขาว(ข้าวเปลือกเจ้า)จะได้ตันละ 8,000 บาท แต่ตอนนี้ชาวนาได้แค่ 4,000-6,000 บาทต่อตันเท่านั้น ทำให้ชาวนาอยู่ได้ค่อนข้างลำบาก ทั้งนี้เสนอภาครัฐควรมุ่งแก้ที่ต้นเหตุ ได้แก่ ปุ๋ยแพง ยาแพง น้ำมันแพง และผลผลิตน้อย หากไม่แก้จุดนี้ ชาวนาจะยังขาดทุนต่อเนื่อง