KEY
POINTS
ข้อมูลล่าสุดจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย สะท้อนสัญญาณน่ากังวลต่อเศรษฐกิจฐานรากไทยอย่างชัดเจน เมื่อธุรกรรมการโอนเงินรายย่อยในหมวดค่าจ้าง เงินเดือน บำเหน็จ และบำนาญ ซึ่งถือเป็น “รายได้จริง” ของแรงงานในระบบ เริ่มหดตัวทั้งในเชิงจำนวนรายการและมูลค่าในไตรมาส 3 ปี 2568 พร้อมกัน
ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ชี้ว่า ธุรกรรมเงินเดือนเคยเติบโตสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในระบบ ช่วงปี 2561–2562 จำนวนรายการเฉลี่ยอยู่ราว 2.5–2.8 ล้านรายการต่อไตรมาส มูลค่า 135,000–145,000 ล้านบาท สะท้อนตลาดแรงงานที่แข็งแรง
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2563 จากผลกระทบโควิด-19 ก่อนจะฟื้นตัวค่อนข้างเร็วหลังเปิดประเทศในปี 2565–2566 โดยไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวนรายการโอนเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3.9 ล้านรายการ มูลค่ากลับขึ้นเกิน 140,000 ล้านบาทต่อไตรมาส อย่างไรก็ดี แรงส่งดังกล่าวเริ่มชะลอลงตั้งแต่ปลายปี 2566
ข้อมูลล่าสุดสะท้อนภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวนรายการโอนเงินเดือนลดลงเหลือ 3.76 ล้านรายการ จากระดับสูงกว่า 4 ล้านรายการช่วงต้นปี ขณะที่มูลค่าการโอนหดตัวลงเหลือ 120,130 ล้านบาท เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส จำนวนรายการลดลง 8.4% และมูลค่าลดลงถึง 12.3% สะท้อนว่า ทั้งจำนวนแรงงานในระบบเงินเดือนและรายได้ต่อหัวชะลอลงพร้อมกัน
นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า หมวดเงินเดือนเป็นตัวสะท้อนกำลังซื้อจริงของครัวเรือนที่แม่นยำกว่าตัวเลข GDP เมื่อรายได้แรงงานหดตัว ย่อมกระทบโดยตรงต่อการบริโภคภาคเอกชน ความสามารถชำระหนี้ และความเชื่อมั่นของกลุ่มคนทำงาน ท่ามกลางค่าครองชีพและภาระหนี้ที่ยังอยู่ในระดับสูง
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (ECONTHAI) ประเมินว่า ปี 2569 นายจ้างจะระมัดระวังการขึ้นเงินเดือนและการจ่ายโบนัส เพื่อรักษาสภาพคล่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก การเจรจากำแพงภาษีกับสหรัฐฯ และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์
โดยภาพรวม โบนัสเฉลี่ยภาคเอกชนทั่วไปคาดอยู่ราว 1.5–2 เดือน การขึ้นเงินเดือนจะเป็นแบบคัดเลือกเฉพาะตำแหน่งสำคัญหรือคนที่มีทักษะสูง ขึ้นทั่วไปเฉลี่ยประมาณ 3% และไม่เกิน 5% เพื่อประคองการจ้างงานมากกว่าการเร่งรายได้
ด้าน เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับว่า กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงต่อเนื่อง เหลือต่ำกว่า 60% จากมาตรฐานเดิม 70–80% แม้ยอดส่งออกจะเพิ่มขึ้น แต่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไม่กระเตื้อง สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งการสวมสิทธิ์ส่งออก (Transshipment) และการนำเข้าสินค้าราคาถูกจำนวนมากที่เข้ามากระทบผู้ผลิตและ SMEs ในประเทศ
ผลลัพธ์คือ โรงงานจำนวนไม่น้อยต้องลดกะ ลดการจ้างงาน หรือชะลอการขึ้นเงินเดือนและโบนัส โดยบริษัทที่ยังจ่ายโบนัสสูงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มต่างชาติหรืออุตสาหกรรมไฮเทคที่ยังมีกำไร ขณะที่อุตสาหกรรมทั่วไปหดตัวชัดเจน
ข้อมูลธุรกรรมการโอนเงินของธปท. ซึ่งถือเป็นข้อมูลเศรษฐกิจจริงแบบเกือบเรียลไทม์ กำลังส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าอย่างชัดเจนว่า แรงส่งรายได้แรงงานไทยเริ่มอ่อนแรง หากไม่เร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งกำลังการผลิต การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และต้นทุนครัวเรือน การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจไม่ลงถึง “กระเป๋าแรงงาน” อย่างแท้จริง
สำหรับกลุ่มคนทำงาน นี่แต่คือสัญญาณเตือนถึงรายได้ อนาคตการจ้างงาน และคุณภาพชีวิตในปี 2569 ที่กำลังจะมาถึง