เปิดข้อมูลแบงก์ชาติ ชี้ชัดรายได้แรงงานหดตัว ยอดโอนเงินเดือนไตรมาส 3/68 วูบหนัก 

22 ธ.ค. 2568 | 11:02 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ธ.ค. 2568 | 11:04 น.

เปิดข้อมูลแบงก์ชาติ พบสัญญาณน่าห่วงเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 3 ปี 2568 ยอดโอนเงินเดือนทั้งระบบหดตัว ทั้งปริมาณ–มูลค่า 

KEY

POINTS

  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลยอดโอนเงินเดือนในไตรมาส 3 ปี 2568 หดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนรายได้แรงงานที่อ่อนแรงลง
  • มูลค่าการโอนเงินเดือนในไตรมาส 3 ปี 2568 ลดลงเหลือ 120,130 ล้านบาท จาก 3.76 ล้านรายการ ซึ่งเป็นการหดตัวลง 12.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
  • การหดตัวของรายได้แรงงานนี้เป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจฐานรากที่อ่อนแอ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อภาคครัวเรือน การบริโภค และความสามารถในการชำระหนี้

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลธุรกรรมการโอนเงินรายย่อย ในหมวดค่าจ้าง เงินเดือน บำเหน็จ และบำนาญ ซึ่งสะท้อนทั้ง “จำนวนรายการโอน” และ “มูลค่าเงินโอนหน่วยล้านบาท” ชี้ให้เห็นสัญญาณน่ากังวลต่อเศรษฐกิจฐานรากไทย หลังแรงส่งการฟื้นตัวของรายได้แรงงานเริ่มอ่อนแรงลงอย่างชัดเจนในปี 2568

เมื่อพิจารณาข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19 พบว่า ธุรกรรมเงินเดือนเติบโตสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงานในระบบ โดยในไตรมาส 1 ปี 2560 มีการโอนเงินเดือนจำนวน 2.46 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 129,120 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4 ปีเดียวกันที่ 2.53 ล้านรายการ มูลค่า 138,920 ล้านบาท และในช่วงปี 2561 - 2562 จำนวนรายการเฉลี่ยอยู่ในช่วง 2.5 - 2.8 ล้านรายการต่อไตรมาส ขณะที่มูลค่าการโอนอยู่ราว 135,000 - 145,000 ล้านบาท สะท้อนตลาดแรงงานในระบบที่ยังแข็งแรงและรายได้แรงงานเติบโตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2563 จากผลกระทบของโควิด-19 โดยข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนรายการโอนเงินเดือนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในไตรมาส 2 ปี 2563 ปริมาณธุรกรรมลดลงมาอยู่ราว 2.3 ล้านรายการ ขณะที่มูลค่าการโอนลดลงต่ำกว่า 130,000 ล้านบาทในหลายไตรมาสต่อเนื่อง สะท้อนการเลิกจ้าง การพักงาน และการลดรายได้แรงงานในวงกว้าง แม้ในปี 2564 สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่การฟื้นตัวของธุรกรรมเงินเดือนยังเป็นไปอย่างจำกัด

หลังการเปิดประเทศในปี 2565 - 2566 ธุรกรรมเงินเดือนฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว ทั้งในเชิงจำนวนรายการและมูลค่า โดยในไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวนรายการเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3.9 ล้านรายการ และมูลค่าการโอนกลับขึ้นไปอยู่ในระดับมากกว่า 140,000 ล้านบาทต่อไตรมาส อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวดังกล่าวเริ่มชะลอลงในช่วงปลายปี 2566 สะท้อนว่าการขยายตัวของค่าจ้างและการจ้างงานเริ่มเผชิญข้อจำกัดจากต้นทุนธุรกิจและภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง

ข้อมูลล่าสุดตั้งแต่ปี 2567 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 3 ปี 2568 ชี้ชัดว่าแรงส่งของรายได้แรงงานเริ่มอ่อนแรงลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 มีการโอนเงินเดือน 3.82 ล้านรายการ มูลค่า 120,590 ล้านบาท ก่อนจะขยับขึ้นชั่วคราวในไตรมาส 1 ปี 2568 ที่ 4.02 ล้านรายการ มูลค่า 137,910 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 ปี 2568 ธุรกรรมเงินเดือนกลับลดลงอีกครั้ง เหลือเพียง 3.76 ล้านรายการ ขณะที่มูลค่าการโอนหดตัวลงเหลือ 120,130 ล้านบาท

เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ไตรมาส 3 ปี 2568 พบว่าจำนวนรายการโอนเงินเดือนลดลงถึง 8.4% ขณะที่มูลค่าการโอนลดลง 12.3% สะท้อนว่าทั้งจำนวนแรงงานในระบบเงินเดือนและรายได้ที่เข้าสู่มือแรงงานชะลอลงพร้อมกัน ไม่ได้เป็นเพียงผลของฤดูกาล แต่เป็นสัญญาณเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจฐานราก

นักวิเคราะห์เศรษฐกิจมองว่า หมวดเงินเดือนถือเป็นตัวชี้วัดรายได้จริงของครัวเรือนที่สำคัญกว่าตัวเลข GDP และเมื่อข้อมูลของธนาคารกลางสะท้อนว่าทั้งปริมาณและมูลค่าการโอนเงินเริ่มหดตัวในปี 2568 ย่อมส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อภาคครัวเรือน การบริโภคภาคเอกชน และความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชน ท่ามกลางค่าครองชีพและภาระหนี้ที่ยังอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ข้อมูลธุรกรรมการโอนเงินรายย่อยของ ธปท. ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดในฐานะข้อมูลเศรษฐกิจจริงแบบเรียลไทม์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงหลังการเลือกตั้ง และเป็นโจทย์สำคัญของการออกแบบนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากในระยะถัดไป