KEY
POINTS
วันนี้ (9 ตุลาคม 2568) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผนในงาน Thailand Economic Outlook 2026 "Out of The Trap" จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับดักที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถขยายตัวได้เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา เศรษฐกิจไทย ขยายตัวได้ในระดับต่ำ เฉลี่ย 2% เท่านั้น ส่งผลให้ไม่สามารถผลักดันให้เป็นประเทศพัฒนาแล้วได้
สำหรับกับดักที่ฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน เห็นว่ามีด้วยกัน 4 กับดักใหญ่ ซึ่งรัฐบาลกำลังหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน นั่นคือ
1.กับดักเรื่องของการลงทุน ปัจจุบันการลงทุนทั้งการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทย ปรับลดลงเหลือเพียงสัดส่วน 20% ต่อ GDP ลดลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 ซึ่งมีการลงทุนสูงกว่า 40% ส่งผลให้เกิดปัญหาในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยอย่างมาก
ทั้งนี้ในแนวทางการแก้ไขปัญหา ล่าสุดได้หารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อหาทางสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น AI ดาต้าเซ็นเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ BCG และ EV โดยกำหนดเป้าหมายการดึงดูดให้ชัดเจน โดยกำหนดแนวทางการส่งเสริมแบบ Fast Pass คือการกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศที่จะได้รับการอำนวยความสะดวกในการลงทุนแบบ Fast Track ควบคู่ไปกับการแก้ไขอุปสรรคในการลงทุน
2.กับดักเรื่องของคน ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย โดยมีสัดส่วนผู้สูงอายุเกินกว่า 20% เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งจะกลายเป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต และยังเป็นต้นทุนเรื่องของงบประมาณภาครัฐในการเข้าไปดูแลสวัสดิการอีกด้วย
สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหานั้น ส่วนแรกนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายออกมาแล้วเกี่ยวกับการขยายเกษียณอายุราชการ ขณะเดียวกันในตลาดแรงงานนั้น รัฐบาลกำลังหาทางสร้างคนให้ตรงกับงานและตรงความต้องการของตลาด โดยเฉพาะแรงงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ล่าสุดได้หารือกับบีโอไอ เพื่อสร้างบุคลากรทักษะสูง ให้ได้ 100,000 คน ภายในระยะเวลา 4 เดือน
3.กับดักเทคโนโลยี เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวกระโดดไปมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน โดยเพาะในภาคอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลเตรียมออกมาตรการมาช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้ทัน ผ่านกลไกของกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะให้เงินสนับสนุน (Grant) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับตัว
โดยรัฐช่วยเหลือสัดส่วน 50% หากเป็นรายเล็กจะได้วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท และรายกลาง ได้วงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินของรัฐเข้าไปช่วยเหลือด้วย ล่าสุดได้หารือกับสมาคมธนาคารไทยแล้ว และยืนยันที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการในการปรับตัว
4.กับดักหนี้ ปัจจุบันมีหนี้อยู่ 3 ขาสำคัญ คือหนี้ภาคประชาชน ซึ่งเป็นหนี้ครัวเรือน ต่อมาคือหน้าเอสเอ็มอี และสุดท้ายคือนี้ภาครัฐ ทั้งนี้ส่วนที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือหนี้ภาคประชาชน ล่าสุดรัฐบาลมีนโยบายในการช่วยเหลือประชาชนที่มาระหนี้ โดยเตรียมซื้อหนี้เสีย หรือ NPL ของประชาชนออกมา แต่ในการตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อซื้อหนี้ อาจจะทำไม่ทันในช่วงเวลา 4 เดือน
ดังนั้นรัฐบาลอาจใช่กลไกเดิมที่มีอยู่เข้ามาดำเนินการ เช่น การให้บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือ SAM และ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เข้ามาดำเนินการในช่วงแรกไปก่อน
ส่วนหนี้ของเอสเอ็มอี รัฐบาลจะให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาดูแลเรื่องการค้ำประกันสินเชื่อ ขณะที่หนี้ภาครัฐ จะพยายามรักษาวินัยการเงินการคลังให้อยู่ในกรอบ
“แม้รัฐบาลจะมีเวลาแค่ 4 เดือน และไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่ก็ต้องเริ่มต้นทำ และการดำเนินการผ่านแผนงานต่าง ๆ เชื่อว่า จะเป็นการวางรากฐานในการแก้ปัญหาระยะยาวนี้ได้”