KEY
POINTS
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ทิศทางข้างหน้า: การบูรณาการหลักนิติธรรมเพื่อนโยบายเศรษฐกิจที่ยั่งยืน" ในงาน "เวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม ครั้งที่ 3" ที่จัดโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจรายไตรมาสที่ไม่เคยมีหน่วยงานภาครัฐเปิดเผยมาก่อน
รองนายกฯ ระบุว่า ครึ่งแรกของปีเศรษฐกิจโต 3.2% โดยไตรมาสที่ 1 โต 3.2% ไตรมาส 2 โต 2.3% ไตรมาส 3 คาดการณ์เหลือ 1.7% และไตรมาส 4 คาดว่าเหลือเพียง 0.3% ถ้าเราปล่อยแบบนี้ไปโดยไม่ทำอะไร เศรษฐกิจไทยจะกลายเป็นติดลบ นี่คือเหตุผลที่ต้องมีนโยบายกระตุ้นทันที
วินิจฉัยโครงสร้างเศรษฐกิจไทย: โตช้า-หนี้พุ่ง-เหลื่อมล้ำ
ดร.เอกนิติ วิเคราะห์ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่สะสมมานาน โดยชี้ว่าขีดความสามารถในการแข่งขันเป็นปัญหาหลัก ก่อนปี 2540 ไทยเติบโตเฉลี่ย 7% แต่ในยุค 2550 เหลือ 3% และในยุค 2560 เหลือไม่ถึง 2% ขณะที่เวียดนามยังคงเติบโตสูงต่อเนื่อง
ปัญหาหนี้ 3 ขา คุกคามเสถียรภาพ
รองนายกฯ ระบุว่า แม้เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังแข็งแกร่ง โดยมีทุนสำรองระหว่างประเทศกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบหนี้ต่างประเทศระยะสั้นได้ 2.4-2.5 เท่า แต่เสถียรภาพภายในประเทศกำลังเผชิญปัญหาหนี้ 3 ขา ได้แก่:
ตัวเลขความเหลื่อมล้ำที่สูงมาก
รองนายกฯ เปิดเผยข้อมูลความเหลื่อมล้ำด้วยตัวเลขชัดเจน
5 เสาหลักนโยบาย 4 เดือน กระตุ้นสั้น-ได้ผลยาว-กระจายตัว
รองนายกฯ เผยกรอบนโยบายเศรษฐกิจ 4 เดือนที่ออกแบบจากการรับฟังภาคเอกชน สภาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ และ Social Listening ภายใต้หลักการ "กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว" ประกอบด้วย 5 เสาหลักและ 1 ฐานราก
เสาที่ 1: กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยมาตรการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการคนละครึ่งพลัส
เสาที่ 2: แก้หนี้ครัวเรือน กำลังทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และธนาคารกรุงไทย เพื่อแก้ปัญหาหนี้ประชาชนที่สะสมมานาน
เสาที่ 3: ส่งเสริมการออมประชาชน ด้วยพันธบัตรรัฐบาลสำหรับประชาชนเปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายผ่านดิจิทัล โครงการออมผ่านสลากกินแบ่งรัฐบาล
เสาที่ 4: เพิ่มสภาพคล่อง SME ทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและธนาคารกรุงไทย เพื่อแก้ปัญหา SME ที่เริ่มขาดสภาพคล่อง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ
เสาที่ 5: ส่งเสริมการลงทุนระยะยาว พบว่ามีโครงการที่ BOI อนุมัติแล้วค้างท่ออยู่ 470,000 ล้านบาทในปี 2566 แก้ไขอุปสรรคการขอน้ำ ไฟ แรงงาน เพื่อให้การลงทุนเกิดขึ้นจริง
1 ฐานราก: วินัยการคลังไม่ประนีประนอม
รองนายกฯ เน้นย้ำว่า ทุกนโยบายต้องมีความโปร่งใส ระบุแหล่งเงิน ต้นทุน และผลกระทบชัดเจน พร้อมเปิดเผยว่าในเดือนพฤศจิกายนจะประกาศกรอบวินัยทางการคลังอย่างเป็นทางการ
"ไม่ต้องมาบอกว่าปีนี้โตเท่าไหร่แบบคลุมเครือ บอกไปเลยเป็นอะไร ให้มันชัดเจน เพราะวันนี้ Rating Agency กำลังจับตาเรา" รองนายกฯ กล่าว
เน้นความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม
รองนายกฯ เน้นย้ำ 4 หลักการนำหลักนิติธรรมมาใช้ในนโยบายเศรษฐกิจ:
รองนายกฯ ยกตัวอย่างความสำเร็จจากอดีต เช่น ระบบ Tax My Account ที่ดึงข้อมูลภาษีทั้งหมดขึ้นมาอัตโนมัติ ลดการทุจริต และระบบ E-Donation ที่ต้องบริจาคผ่านดิจิทัล เชื่อมตรงกับกรมสรรพากร ป้องกันใบอนุโมทนาปลอม
การรับฟังภาคเอกชนและ Social Listening
รองนายกฯ เผยว่า นโยบายทั้งหมดออกแบบจากการรับฟังความเห็นจากสภาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ สมาคมภาคเอกชน และ Social Listening
รองนายกฯ เน้นความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership) โดยยกตัวอย่างความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย แพลตฟอร์ม Startup และภาคธุรกิจต่างๆ ที่ทำให้นโยบายเกิดขึ้นจริงได้อย่างรวดเร็ว