‘วิฤทธิ์’ หนุนเอสเอ็มอีสร้างมาตรฐานสินค้า รับความเสี่ยง-ขยายตลาดโลก

03 ต.ค. 2568 | 06:57 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2568 | 07:00 น.

‘วิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์’ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอแนะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สร้างมาตรฐานสินค้า รองรับความเสี่ยง ก่อนขยายตลาดไปในระดับโลก

วันนี้ (3 ตุลาคม 2568) นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในงาน Sustainability Expo 2025 งาน A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry เรื่อง SME ห่วงโซ่ธุรกิจสู่ความยั่งยืน" เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั่วโลกกำลังเจอปัญหาหลัก 3 เรื่องสำคัญ คือ ขาดเงินทุน ขาดมาตรฐานที่เป็นสากล และขาดโอกาสเชื่อมต่อกับซัพพลายเชนของโลก 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาการเข้าไปแก้ปัญหาต่าง ๆ ของ SME ต้องพิจารณากติกาการค้าโลก ทำให้มาตรการปกป้องผู้ผลิตในประเทศทำได้ยากขึ้นอย่างมาก ทั้ง การกำหนดสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content) ไม่สามารถบีบบังคับผู้เข้ามาลงทุนได้อีกต่อไป เนื่องจากติดข้อกำหนดขององค์การการค้าโลก (WTO) และข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)

นายวิฤทธิ์ กล่าวว่า มาตรการเกี่ยวกับการดูแล SME มีทั้งปกป้องและการส่งเสริม โดยเฉพาะเรื่องของการสร้างมาตรฐานที่มีกระบวนการแตกต่างกัน โดยจากนโยบายของนายกรัฐมนตรี ก็ต้องการการสนับสนุนให้ SME มีการปรับตัว (Adaptation) ควบคู่ไปกับมาตรฐานสากล (International Standard) มากขึ้น 

สำหรับเรื่องการสร้างมาตรฐานนั้น ปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมมีหน่วยงานดูแล คือ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) โดยมีการออกมาตรฐานใหม่ปีละประมาณ 600 มาตรฐาน ซึ่งรวมถึงมาตรฐานตัวสินค้าและวิธีการทดสอบสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน ล่าสุดได้ออกมาตรฐานรวมประมาณ 3,000 มาตรฐาน ครอบคลุม 144 ผลิตภัณฑ์ 

"หลัง ๆ ทุกชาติทั่วโลกมีการเริ่มให้มาตรฐานในการกีดกันการค้า เพราะเป้นเรื่องที่เนียนที่สุด ดังนั้นของไทยเองก็มีทั้งมาตรฐานตัวสินค้า และการทดสอบ โดยมีการส่งเสริมเรื่องของมาตรบานให้ได้สากล และในรายเล็ก ๆ ก็ต้องยกระดับมาตรฐานขึ้นไปด้วย"

 

‘วิฤทธิ์’ หนุนเอสเอ็มอีสร้างมาตรฐานสินค้า รับความเสี่ยง-ขยายตลาดโลก

 

ปัจจุบัน สมอ.กำลังขยายผลมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มอก.S) โดยจะขยายให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการรายเล็กและผู้ที่อยู่ในภาคบริการ พร้อมทั้งพยายามจัดอันดับมาตรฐานที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการทุก ๆ กลุ่ม พร้อมทั้งสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการตรวจสอบและทดสอบ เพื่อช่วยให้ SME ยกระดับสินค้าได้โดยไม่แบกรับภาระต้นทุนสูง

นายวิฤทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ SME มีหลายระดับ และไม่ใช่ทุกรายที่จะต้องขยายตลอดไปสู่ตลาดต่างประเทศ แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องมีการปรับตัว ปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมมีเครือข่ายสถาบันทดสอบมาตรฐานกว่า 10 แห่ง ที่พร้อมเข้าไปช่วยเหลือมีเครื่องมือพร้อมให้บริการทดสอบมาตรฐานให้กับกลุ่ม SME ซึ่งจะช่วยลดภาระให้ผู้ประกอบการได้

 

‘วิฤทธิ์’ หนุนเอสเอ็มอีสร้างมาตรฐานสินค้า รับความเสี่ยง-ขยายตลาดโลก

 

นอกจากนี้ภาครัฐจะต้องเตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมสนับสนุน สำหรับการลงทุนใหม่ที่จะเข้ามา เมื่อมีอุตสาหกรรมใหญ่มาลงทุน SME ที่เชื่อมต่ออยู่ก็จะเติบโตตามไปด้วยโดยไม่ต้องหาตลาดเอง แม้จะไม่สามารถบีบบังคับให้รายใหญ่ใช้ Local Content ได้ แต่ภาครัฐใช้มาตรการจูงใจผ่านการขอรับส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อให้นักลงทุนมีแรงจูงใจในการพิจารณาใช้ SME ไทยในซัพพลายเชนการผลิตด้วย