'ศุภวุฒิ' เตือนยกเครื่องโครงสร้างประเทศครั้งใหญ่ ซมกับดักรายได้ปานกลาง

26 ก.ย. 2568 | 07:30 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ย. 2568 | 07:36 น.

'ศุภวุฒิ สายเชื้อ' ชี้เร่งยกเครื่องโครงสร้างประเทศครั้งใหญ่ หลังไทยเจอความท้าทายรุมกระหน่ำ ทำเศรษฐกิจไทยโตต่ำ หลุดไม่พ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้ ฟื้นฟูความเชื่อมั่นและปลดล็อกศักยภาพในการแข่งขัน

วันนี้ (26 กันยายน 2568) นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยในงานการประชุมประจำปี 2568 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่อง “ยกเครื่องโครงสร้างประเทศไทย Thailand’s Institutional Reform” ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในระดับต่ำ และไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้

"ประเทศไทยมีศักยภาพ เราเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคด้วยทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อุตสาหกรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน รวมถึงทุนทางวัฒนธรรมที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประเทศไทยควรจะเป็นประเทศที่มีรายได้สูง มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนได้ แต่ในความเป็นจริง เรากำลังประสบปัญหาและมีความท้าทายอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน"

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน มองว่า มีการเติบโตต่ำกว่า 5% มาตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง สิ่งนี้สะท้อนจากอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะด้านประสิทธิภาพของภาครัฐ ซึ่งลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี

ทั้งนี้เห็นว่า ในปัจจุบันประเทศไทย กำลังเผชิญข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง 5 ด้านหลักที่สำคัญ ประกอบด้วย

1. ระบบ ระเบียบ กฎหมายที่มีจำนวนมาก ล้าสมัย และไม่เอื้อต่อการแข่งขัน กฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่มีอยู่มีปริมาณมากและมีความล้าสมัย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขัน

2. หลักนิติธรรมที่ไม่เข้มแข็ง การที่หลักนิติธรรมไม่เข้มแข็งนั้นมีผลกระทบคือ เพิ่มความไม่แน่นอน, เพิ่มต้นทุนที่ไม่จำเป็น, และ ลดทอนความน่าเชื่อถือของประเทศ

3. ทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังลึกเป็นโครงสร้าง การทุจริตคอร์รัปชันที่บิดเบือนเป็นโครงสร้างแรงจูงใจนั้นส่งผลกระทบโดยตรงในการ ลดทอนความเชื่อมั่น และ ลดผลิตภาพของประเทศในภาพรวม

4. ประชาธิปไตยที่ยังไม่มั่นคง ประชาธิปไตยที่ไม่มั่นคงส่งผลให้ ไม่สามารถสร้างกติกาที่เปิดกว้างและเป็นธรรมได้ ปัญหานี้ยังกระทบต่อ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และ สร้างการผูกขาดทางการค้า ซึ่งเป็นการลดทอนภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งระบบ

5. ประสิทธิภาพของภาครัฐที่มีขนาดใหญ่ เทอะทะ และมีต้นทุนสูง ภาครัฐที่มีขนาดใหญ่และมีต้นทุนสูงนั้นมีปัญหาในการทำงานที่ แยกส่วนและขาดการบูรณาการ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่อง ระบบงบประมาณที่ไม่เชื่อมโยงกับผลลัพธ์ และปัญหา ช่องว่างทางการคลังที่แคบ

นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนอย่างชัดเจนว่าประเทศไทยกำลังเผชิญข้อจำกัดเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งศักยภาพในการเติบโตและลดทอนความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและประชาชนด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องมีการยกเครื่อง โครงสร้างประเทศอย่างแท้จริง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและปลดล็อกศักยภาพในการแข่งขันที่ยั่งยืน โดยมีความจำเป็นที่จะต้องยกเครื่องเพื่อให้ประเทศไทยก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม และเพิ่มสร้างศักยภาพใหม่ในการรับมือกับโลกที่มีความซับซ้อนและไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้นด้วย