KEY
POINTS
ในการประชุมวุฒิสภา ซึ่งมี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุมวันนี้ (23ก.ย.68) ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบรายงานการศึกษา เรื่อง การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่มีกาสิโน ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) วุฒิสภา โดยมี นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ทั้งนี้หลังจากที่ที่ประชุมอภิปรายเสร็จสิ้น นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ในฐานะประธานในที่ประชุม ได้แจ้งว่า จะส่งรายงานดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
สำหรับบรรยากาศการประชุม สมาชิกวุฒิสภาหลายท่านได้แสดงความเห็นสนับสนุนรายงานของคณะกรรมาธิการฯ
นายชินโชติ แสงสังข์ สว. อภิปรายอย่างหนักแน่นว่า ร่าง พ.ร.บ. ที่รัฐบาลชุดก่อนเสนอมานั้น ตนมองว่าเป็นการ "หลอกหลวงประชาชน" โดยข้อเท็จจริงหัวใจหลักของรัฐบาลคือการเปิด "บ่อน" ท่านยังกล่าวฝากไปยังรัฐบาลชุดใหม่ที่จะแถลงนโยบาย "อย่ามีนโยบายเรื่องบ่อนกาสิโนเด็ดขาด"
นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ อภิปรายเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดใหม่เพื่อศึกษาต่อเนื่อง โดยให้ศึกษาทางเลือกเพิ่มเติม เช่น การทำธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่ ไม่มีกาสิโน หรือระบบกาสิโนที่สามารถ ควบคุมคนเข้าเล่นได้ ผ่านการลงทะเบียน เช่น กรณีเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยว
นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย ประธาน กมธ.ฯ ชี้แจงในช่วงท้ายว่า หากนักการเมืองที่ลงสมัคร ส.ส. ไม่ว่าพรรคใด จะเปิดบ่อนกาสิโนที่ถูกกฎหมาย "กรุณาใช้เป็นนโยบายหาเสียง อย่าหมกเม็ดว่าเป็นสถานบันเทิงครบวงจร"
นายสิทธิกร ธงยศ สว. ฝากไปยังรัฐบาลที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ว่า ควรนำผลการศึกษาของ กมธ. เป็นแนวทาง และควร "ถอนร่าง พ.ร.บ. เข้าสู่สภาฯ เพราะจะเกิดหายนะและอันตราย"
คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากวุฒิสภาเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ได้สรุปและนำเสนอรายงานต่อที่ประชุม โดยมีข้อสรุปที่สำคัญต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่ถูกเสนอโดยรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า คณะกรรมาธิการฯ มีมติไม่เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว
ข้อสรุปหลัก: ผลกระทบระยะยาวและความเสี่ยงรอบด้าน
คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้เหตุผลว่า ร่าง พ.ร.บ. มีผลกระทบในหลายมิติต่อประชาชน สังคม และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว โดยเน้นย้ำว่า นโยบายการผลักดันโครงการ Entertainment Complex ที่มี "กาสิโน" เป็นองค์ประกอบหลัก นั้น ตั้งอยู่บน สมมติฐานที่ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ ถึงความเหมาะสมในบริบทของประเทศไทย
ความเสี่ยงสำคัญที่คณะกรรมาธิการฯ ตรวจพบมีดังนี้:
1. มิติทางเศรษฐกิจ: กิจกรรมการพนันไม่ใช่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
2. มิติทางสังคมและสุขภาพ: โรคติดการพนันและอาชญากรรม
3. มิติด้านกฎหมาย: ขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม
ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ: “เงินสีขาว” คือทางเลือกที่ยั่งยืน
คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้เสนอ ข้อเสนอแนะ 3 ฉากทัศน์ สำหรับการดำเนินการของรัฐบาล:
1. ฉากทัศน์เชิงอุดมคติ (Best-case Scenario): ไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุนให้มีธุรกิจกาสิโนในประเทศไทย แต่เห็นควรให้ส่งเสริมการพัฒนาในรูปแบบอื่น เช่น โครงการพัฒนาสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness Complex) ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ และสามารถสร้างรายได้จาก "เงินสีขาว" (clean money) ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้
2. ฉากทัศน์ทางเลือก (Base-case Scenario): หากรัฐบาลยังคงยืนยันเดินหน้าผลักดันโครงการที่มีกาสิโน รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วยกระบวนการทำประชามติ โดยต้องกำหนดแนวทางกำกับดูแลอย่างรัดกุม, มีมาตรการคัดกรองคนไทยเข้าถึงอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นอิสระในการตรวจสอบ (Independent Regulatory Body)
3. ฉากทัศน์เชิงป้องกันความเสี่ยง (Worst-case Scenario): หากโครงการล้มเหลวหรือไม่สามารถควบคุมผลกระทบทางลบได้ รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบและดำเนินการชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สาธารณชนทันที
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยังได้เสนอให้วุฒิสภามีข้อเสนอต่อรัฐบาลให้ พิจารณาทบทวนและแก้ไขเนื้อหา ของร่าง พ.ร.บ. ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม และ หากข้อกังวลยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างชัดเจนและเพียงพอ วุฒิสภาควรแสดงท่าทีไม่เห็นชอบด้วยกับร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อประเทศในอนาคต