มติวุฒิสภา ส่งผลศึกษาให้รัฐบาลอนุทิน คว่ำร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร

23 ก.ย. 2568 | 11:56 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2568 | 12:07 น.

มติที่ประชุมวุฒิสภา เห็นชอบส่งรายงานการศึกษา "การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่มีกาสิโน" ให้รัฐบาลนำไปพิจารณา ชี้ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ นำประเทศสู่แหล่งฟอกเงิน ขัดหลักนิติธรรม

KEY

POINTS

  • วุฒิสภามีมติเห็นชอบรายงานการศึกษาที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และจะส่งรายงานดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
  • รายงานของคณะกรรมาธิการฯ ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงลบในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจที่ไม่ยั่งยืน, ปัญหาสังคม อาชญากรรม และการเสพติดการพนัน รวมถึงความเสี่ยงด้านกฎหมายที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ
  • คณะกรรมาธิการฯ เสนอให้รัฐบาลทบทวนร่างกฎหมาย หรือพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การส่งเสริมศูนย์สุขภาพครบวงจร (Wellness Complex) และหากจะเดินหน้าเรื่องกาสิโนต่อ ควรจัดทำประชามติ

ในการประชุมวุฒิสภา ซึ่งมี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุมวันนี้ (23ก.ย.68) ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบรายงานการศึกษา เรื่อง การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่มีกาสิโน ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) วุฒิสภา โดยมี นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ

ทั้งนี้หลังจากที่ที่ประชุมอภิปรายเสร็จสิ้น นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ในฐานะประธานในที่ประชุม ได้แจ้งว่า จะส่งรายงานดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป 

การอภิปรายในที่ประชุมวุฒิสภา

สำหรับบรรยากาศการประชุม สมาชิกวุฒิสภาหลายท่านได้แสดงความเห็นสนับสนุนรายงานของคณะกรรมาธิการฯ

นายชินโชติ แสงสังข์ สว. อภิปรายอย่างหนักแน่นว่า ร่าง พ.ร.บ. ที่รัฐบาลชุดก่อนเสนอมานั้น ตนมองว่าเป็นการ "หลอกหลวงประชาชน" โดยข้อเท็จจริงหัวใจหลักของรัฐบาลคือการเปิด "บ่อน" ท่านยังกล่าวฝากไปยังรัฐบาลชุดใหม่ที่จะแถลงนโยบาย "อย่ามีนโยบายเรื่องบ่อนกาสิโนเด็ดขาด"

นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ อภิปรายเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดใหม่เพื่อศึกษาต่อเนื่อง โดยให้ศึกษาทางเลือกเพิ่มเติม เช่น การทำธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่ ไม่มีกาสิโน หรือระบบกาสิโนที่สามารถ ควบคุมคนเข้าเล่นได้ ผ่านการลงทะเบียน เช่น กรณีเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยว

นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย ประธาน กมธ.ฯ ชี้แจงในช่วงท้ายว่า หากนักการเมืองที่ลงสมัคร ส.ส. ไม่ว่าพรรคใด จะเปิดบ่อนกาสิโนที่ถูกกฎหมาย "กรุณาใช้เป็นนโยบายหาเสียง อย่าหมกเม็ดว่าเป็นสถานบันเทิงครบวงจร"

นายสิทธิกร ธงยศ สว. ฝากไปยังรัฐบาลที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ว่า ควรนำผลการศึกษาของ กมธ. เป็นแนวทาง และควร "ถอนร่าง พ.ร.บ. เข้าสู่สภาฯ เพราะจะเกิดหายนะและอันตราย"

เจาะรายละเอียดรายงานการศึกษา

คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากวุฒิสภาเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ได้สรุปและนำเสนอรายงานต่อที่ประชุม โดยมีข้อสรุปที่สำคัญต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่ถูกเสนอโดยรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า คณะกรรมาธิการฯ มีมติไม่เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว

ข้อสรุปหลัก: ผลกระทบระยะยาวและความเสี่ยงรอบด้าน

คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้เหตุผลว่า ร่าง พ.ร.บ. มีผลกระทบในหลายมิติต่อประชาชน สังคม และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว โดยเน้นย้ำว่า นโยบายการผลักดันโครงการ Entertainment Complex ที่มี "กาสิโน" เป็นองค์ประกอบหลัก นั้น ตั้งอยู่บน สมมติฐานที่ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ ถึงความเหมาะสมในบริบทของประเทศไทย

ความเสี่ยงสำคัญที่คณะกรรมาธิการฯ ตรวจพบมีดังนี้:

1. มิติทางเศรษฐกิจ: กิจกรรมการพนันไม่ใช่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

  • การโอนถ่ายเงินที่ไม่สร้างมูลค่า: กิจกรรมการพนันโดยพื้นฐานเป็นการโอนถ่ายเงินจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ไม่ก่อให้เกิดการผลิตสินค้าและบริการที่แท้จริงในระบบเศรษฐกิจ และจะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
  • อุตสาหกรรมขาลง: อุตสาหกรรมบ่อนพนันขนาดใหญ่ทั่วโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะ "ขาลง" (Sunset Industry) และกำลังถูกแทนที่ด้วยการพนันออนไลน์ที่มีต้นทุนต่ำกว่าและเข้าถึงง่ายกว่า
  • ความไม่ชัดเจนด้านรายได้: การคาดการณ์รายได้จากภาษีมากกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ "เกินจริง" และ "ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในเชิงตัวเลข" เนื่องจากร่างกฎหมายกำหนดเงื่อนไขให้คนไทยที่จะเข้าเล่นกาสิโน ต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารเกิน 50 ล้านบาท ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งมีจำนวนผู้ที่มีคุณสมบัติน้อยกว่า 1 หมื่นคนทั่วประเทศ
  • อัตราภาษีที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย: ประเทศไทยมีแนวโน้มจะกำหนดอัตราภาษีจากรายได้รวมการพนัน (GGR) เพียงร้อยละ 17 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหลายประเทศ เช่น มาเก๊าที่ 50% หรือเวียดนามที่ 35%
  • ความเสี่ยงด้านการลงทุน: การนำพื้นที่ของการท่าเรือคลองเตย ซึ่งมีมูลค่าสูงไม่ต่ำกว่า 2.5 แสนล้านบาท ไปใช้สำหรับกิจการที่มีความเสี่ยงสูงอย่างกาสิโน อาจไม่สอดคล้องกับหลักการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดมูลค่าสูงสุด (Highest and Best Use) และมีค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) สูงมาก
  • ผลกระทบจากมาตรการจีน: หากประเทศไทยเปิดกาสิโน อาจต้องเผชิญกับมาตรการควบคุมเชิงรุกของรัฐบาลจีนที่ประกาศ "บัญชีดำ" (Blacklist) จุดหมายปลายทางที่ส่งเสริมการพนัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ

2. มิติทางสังคมและสุขภาพ: โรคติดการพนันและอาชญากรรม

  • การติดการพนันเป็นโรค: องค์การอนามัยโลก (WHO) และสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน (APA) ได้กำหนดให้ "การติดการพนัน" (Gambling Disorder) เป็นความผิดปกติทางจิตประเภทหนึ่ง ภายใต้หมวด "พฤติกรรมเสพติด" (Behavioral Addiction)
  • ปัญหาอาชญากรรมที่ซับซ้อน: กาสิโนเป็นพื้นที่อ่อนไหวต่อการก่ออาชญากรรม และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็น แหล่งฟอกเงิน (Money Laundering) และเชื่อมโยงกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งประเทศไทยยังขาดความพร้อมในการควบคุม
  • ประชาชนคัดค้าน: ผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 56.72 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย ทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน และ มากกว่าร้อยละ 60  สนับสนุนให้มีการจัดทำ ประชามติระดับชาติ ในประเด็นนี้
  • ศาสนาปฏิเสธ: องค์กรทางศาสนาทุกศาสนาในประเทศไทย (พุทธ, อิสลาม, คริสต์, พราหมณ์–ฮินดู) มีจุดยืนชัดเจนในการคัดค้าน เนื่องจากมองว่าการพนันเป็น "อบายมุข" หรือทางแห่งความเสื่อม ซึ่งขัดต่อหลักศีลธรรมอันดีงามของสังคมไทย

3. มิติด้านกฎหมาย: ขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม

  • ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวอาจขัดต่อ หลักนิติธรรม (Rule of Law) ตามมาตรา 3 และมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 เนื่องจากการอนุญาตให้มีธุรกิจกาสิโนเป็นการย้อนแย้งต่อสำนึกในศีลธรรมอันดีของประชาชน
  • การมอบอำนาจอย่างกว้างขวางให้แก่ คณะกรรมการนโยบาย (ซึ่งประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจากหลายกระทรวง) ในการสั่งการให้ยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายอื่น (เช่น กฎหมายผังเมืองหรือสิ่งแวดล้อม) มีลักษณะเป็นการ รวมศูนย์อำนาจ และขาดกลไกถ่วงดุลและตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ เสี่ยงต่อการเป็นช่องทางให้เกิดการ ทุจริตเชิงนโยบาย และขัดแย้งต่อหน้าที่ของรัฐในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน (มาตรา 58)

ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ: “เงินสีขาว” คือทางเลือกที่ยั่งยืน

คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้เสนอ ข้อเสนอแนะ 3 ฉากทัศน์ สำหรับการดำเนินการของรัฐบาล:

1. ฉากทัศน์เชิงอุดมคติ (Best-case Scenario): ไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุนให้มีธุรกิจกาสิโนในประเทศไทย แต่เห็นควรให้ส่งเสริมการพัฒนาในรูปแบบอื่น เช่น โครงการพัฒนาสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness Complex) ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ และสามารถสร้างรายได้จาก "เงินสีขาว" (clean money) ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้

2. ฉากทัศน์ทางเลือก (Base-case Scenario): หากรัฐบาลยังคงยืนยันเดินหน้าผลักดันโครงการที่มีกาสิโน รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วยกระบวนการทำประชามติ โดยต้องกำหนดแนวทางกำกับดูแลอย่างรัดกุม, มีมาตรการคัดกรองคนไทยเข้าถึงอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นอิสระในการตรวจสอบ (Independent Regulatory Body)

3. ฉากทัศน์เชิงป้องกันความเสี่ยง (Worst-case Scenario): หากโครงการล้มเหลวหรือไม่สามารถควบคุมผลกระทบทางลบได้ รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบและดำเนินการชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สาธารณชนทันที

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยังได้เสนอให้วุฒิสภามีข้อเสนอต่อรัฐบาลให้ พิจารณาทบทวนและแก้ไขเนื้อหา ของร่าง พ.ร.บ. ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม และ หากข้อกังวลยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างชัดเจนและเพียงพอ วุฒิสภาควรแสดงท่าทีไม่เห็นชอบด้วยกับร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อประเทศในอนาคต