นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในงาน IGNITE Thailand-Korea Business Forum ณ โรงแรม Lotte Hotel Seoul กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี โดยเป็นความร่วมมือของ Herald Media Group สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Thailand Financial Hub) ให้แก่ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสมาคมทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเกาหลี
โดยนายจุลพันธ์ ได้กล่าวชื่นชมความก้าวหน้าด้านการเงินและด้านเทคโนโลยีของสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กรุงโซลกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินที่ทันสมัยของภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตลอดจนการพัฒนาอย่างรุดหน้ากลายเป็นปัจจัยที่จุดประกายแนวคิดการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการเงินของโลก อีกทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินที่ก้าวหน้ามากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า การมีระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม การมีแรงงานที่มีทักษะซึ่งพร้อมต่อการพัฒนาศักยภาพ รวมถึงการมีต้นทุนในการประกอบธุรกิจที่แข่งขันได้ ปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้โครงการ Thailand Financial Hub เกิดขึ้นได้จริงและทำให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่การลงทุนระหว่างภูมิภาคและก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนระหว่างประเทศในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ ยังกล่าวถึงแนวทางการเตรียมความพร้อม และยกระดับให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ผ่าน 4 แนวทาง ได้แก่
1.กำหนดสิทธิประโยชน์ที่โปร่งใสชัดเจน และสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก รวมทั้งการพัฒนากระบวนการจดทะเบียนประกอบธุรกิจให้มีความสะดวกรวดเร็วและลดภาระด้านเอกสารในการติดต่อกับภาครัฐ
2.จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (One Stop Authority: OSA) เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจรทั้งการขออนุญาตประกอบธุรกิจ การพิจารณาสิทธิประโยชน์ และการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจ
3.ยกระดับทักษะของแรงงานในประเทศและพัฒนาหลักสูตรการศึกษาเพื่อให้สามารถผลิตแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจ
4.กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub สามารถให้บริการแก่ผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (Non-resident) เป็นหลัก ในขณะที่ยังคงส่งเสริมการเข้าถึงตลาดในประเทศ (Market Participant) ในบางกรณี เพื่อพัฒนาบริบทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำว่า หากนำความรู้ความชำนาญด้านการเงินและเทคโนโลยีของสาธารณรัฐเกาหลีมาพัฒนาร่วมกับจุดแข็งด้านต่างๆ ของประเทศไทย จะทำให้โครงการ Thailand Financial Hub กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยยกระดับระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียต่อไป
นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ยังได้หารือทวิภาคีร่วมกับบริษัท CJ Foodville ซึ่งเป็นบริษัทหลักด้านอาหารในเครือ CJ Group เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือเป็นพันธมิตรประกอบธุรกิจระหว่าง CJ Foodville และบริษัทด้านอาหารของไทย เพื่อเสริมสร้างโอกาสในการลงทุนให้กับบริษัทไทยและผลักดันการค้าการลงทุนระหว่างประเทศต่อไป