“คุณสู้ เราช่วย” กร่อย คลังปรับเกม เจาะกลุ่มแก้หนี้ต่ำแสน

24 เม.ย. 2568 | 00:11 น.

คลังเดินหน้าแก้หนี้ประชาชน พุ่งเป้ามูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท พร้อมดึงออมสินเข้าร่วม หลังโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”กร่อย ลูกหนี้ลงทะเบียนแค่ 50% ของเป้าหมาย 1.9 ล้านราย

 “คุณสู้ เราช่วย” เป็นโครงการใหญ่ที่รัฐบาลเปิดตัวช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ภายใต้ความร่วมมือภาครัฐและเอกชน มุ่งแก้ไขหนี้เสียบ้าน รถยนต์ และเอสเอ็มอี ครอบคลุมลูกหนี้รวมกว่า 2.1 ล้านบัญชี จำนวน 1.9 ล้านราย ซึ่งมียอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท

 สำหรับโครงการดังกล่าว รัฐบาลบูรณาออกมา เพื่อสะท้อนความตั้งใจของทุกฝ่าย โดย “คุณสู้” สะท้อนถึงลูกหนี้ที่พร้อมจะสู้ต่อในการแก้ไขปัญหาหนี้ ส่วน “เราช่วย” คือ ภาครัฐและสถาบันการเงินที่พร้อมช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อลดภาระและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น 

 อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าโครงการจะไม่สัมฤทธิ์ผลเท่าใดนัก เพราะจากการเปิดลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมานั้น ณ วันที่ 16 ก.พ. 2568 มีผู้ลงทะเบียนเพียง 8.2 แสนราย หรือคิดเป็น 9.9 แสนบัญชี และจากการสำรวจข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. 2568 พบว่า จากจำนวนผู้ลงทะเบียน 6.3 แสนราย มีผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติเพียง 2.4 แสนรายเท่านั้น คิดเป็นสัดส่วน 38% ของผู้ลงทะเบียน ถือว่าตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ค่อนข้างมาก 

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ปรับแผนใหม่ จากเดิมที่กำหนดระยะเวลาเปิดลงทะเบียน ตั้งแต่ 12 ธ.ค. 2567 – 28 ก.พ. 2568 เป็นขยายระยะเวลาไปถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 อีกทั้ง ยังได้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายการช่วยเหลือครอบคลุมถึงลูกหนี้รายย่อยของผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) ด้วย 

  “คุณสู้ เราช่วย” กร่อย คลังปรับเกม เจาะกลุ่มแก้หนี้ต่ำแสน

เป็นที่น่าจับตาว่า “คุณสู้ เราช่วย” จะแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชนได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลเองได้ออกมายอมรับแล้วว่า คาดว่า จะมีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการเพียง 50% เท่านั้น และรัฐยังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางออกมาตรการต่อเนื่อง เพื่อเข้ามาแก้ไขหนี้เพิ่มเติมด้วย 

 โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยอมรับว่า หลังจากรัฐบาลเดินหน้าโครงการ คุณสู้ เราช่วย คาดว่า จะมีลูกหนี้ร่วมโครงการ 50% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่มีหลักประกัน โดยหนี้ส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้ เป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบริโภค ที่มีทั้งหลักประกันและไม่มีหลักประกัน

 อย่างไรก็ตาม ในขั้นถัดไป รัฐบาลได้เตรียมมาตรการสืบเนื่องจากการดำเนินการคุณสู้ เราช่วย ที่พบว่า มีกลุ่มลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ในหนี้เสีย (NPL) โดยหนี้ดังกล่าวคิดเป็น 35% ของหนี้เสียรวม 1.2 ล้านล้านบาท 

โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยปลดล็อคหนี้กลุ่มนี้จากระบบ NPL และช่วยให้ลูกหนี้สามารถกลับมาเข้าถึงสินเชื่อใหม่ได้อีกครั้ง สำหรับลูกหนี้เหล่านี้ ธนาคารพาณิชย์ได้ตั้งสำรองหนี้ครบ 100% แต่ปัญหาคือธนาคารไม่สามารถติดต่อลูกหนี้ได้ ส่วนหนึ่งเพราะลูกหนี้อาจคิดว่าตนไม่มีความสามารถชำระหนี้ได้แล้ว 

 “เราจึงจำเป็นต้องหาทางปลดล็อกหนี้ที่มีต้นทุนต่ำ และมองหาวิธีการที่เหมาะสมในการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งเราจะปรับให้เขาจ่ายได้เท่าที่มีกำลัง ยืดหยุ่น เพราะเป้าหมายอยากเห็นคนเป็นหนี้ 5 ล้านกว่าคน รวม 1.2 ล้านล้านบาท ได้รับการคลี่คลาย ให้เขากลับมายืนได้” 

 แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นโยบายแก้หนี้ เป็นหนึ่งภารกิจเร่งด่วนที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องการเข้ามาดูแล เพื่อลดสัดส่วนตัวเลขหนี้ครัวเรือนลงมา ซึ่งปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับสูงถึง 89% แต่คาดว่าโครงการคุณสู้ เราช่วย จะไม่ได้ครอบคลุมการดูแลลูกหนี้ทั้งหมด ตามที่รัฐบาลประเมินไว้ ฉะนั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังจึงอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางในการเข้าไปแก้หนี้เพิ่มเติม โดยระยะต่อไปนี้ จะเน้นดูแลลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท 

 ขณะเดียวกัน ธนาคารออมสิน ก็อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางเข้าไปสนับสนุนรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท คาดว่า จะมีโครงการออกมาช่วงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ธนาคารออมสิน และจะเสนอกระทรวงการคลังต่อไป

 สำหรับลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาทนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นลูกหนี้สถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งเดิมโครงการคุณสู้ เราช่วยนั้น มีลูกค้าแบงก์รัฐเข้าข่าย ทั้งหมด 5 แสนบัญชี มูลหนี้ 4.5 แสนล้านบาทคาดว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยเหลือลูกค้าได้บ้าง แต่ยังเหลือกลุ่มที่ไม่สามารถติดต่อได้ และยังไม่แสดงเจตจำนงค์ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ ส่วนนี้ภาครัฐจึงจำเป็นต้องหามาตรการ และแนวทางเข้ามาดูแลเพิ่มเติม

 เรียกได้ว่า ภาครัฐพยายามเข็นและดูแลลูกหนี้เสียอย่างต่อเนื่อง เพราะหนี้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยฉุดรั้งประเทศไทย อย่างไรก็ดี อย่าลืมไปว่า ในการแก้ไขหนี้นั้นจะต้องมีการวางรากฐานแนวทางแก้ไขปัญหาให้ลูกหนี้อย่างยั่งยืน และโดยมีกลไกส่งเสริมวินัยทางการเงินควบคู่ไปกับการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการเสียวินัยในการชำระหนี้ (moral hazard) ในภายหลังด้วย

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,090 วันที่ 24 - 26 เมษายน พ.ศ. 2568