“เผ่าภูมิ” โชว์หวยเกษียณ ธนาคารโลกเตรียมศึกษาใช้โมเดล

23 เม.ย. 2568 | 01:55 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2568 | 02:00 น.

“เผ่าภูมิ โรจนสกุล“ ปลื้มธนาคารโลก ยก “หวยเกษียณ” นวัตกรรมสร้างแรงจูงใจออมที่น่าทึ่ง เตรียมศึกษาร่วม-ทำโมเดลตัวอย่าง

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในห้วงการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (WB-IMF Spring Meetings) ประจำปี 2568 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ได้หารือทวิภาคีกับ Ms. Mamta Murthi รองประธานธนาคารโลก (World Bank) พร้อมคณะผู้บริหารธนาคารโลก ในหัวข้อการปฏิรูประบบสวัสดิการเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งใน Flagship Report สำหรับประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม WB-IMF ในปี 2569 ที่กรุงเทพมหานคร

“เผ่าภูมิ” โชว์หวยเกษียณ ธนาคารโลกเตรียมศึกษาใช้โมเดล

ในการนี้ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับโครงสร้างประชากรของประเทศกำลังพัฒนา โดยทางธนาคารโลกได้ประเมินเบื้องต้นว่าไทยจัดอยู่ในประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงวัยด้วยอัตราเร่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีช่องว่างทางการคลังที่จะรับมือปัญหาดังกล่าวอยู่ในระดับเทียบเท่าค่าเฉลี่ย จึงยังมีศักยภาพทางการคลังเพื่อรองรับสังคมสูงวัย 

ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้ประเมินเครื่องมือของไทยในการรับมือ ครอบคลุมถึงกองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนการออมแห่งชาติ โดยได้ให้ความสำคัญกับโครงการสลากกองทุนการออมแห่งชาติ (หวยเกษียณ) โดยทางธนาคารโลกชื่นชมโครงการดังกล่าว 

“เผ่าภูมิ” โชว์หวยเกษียณ ธนาคารโลกเตรียมศึกษาใช้โมเดล

“ธนาคารโลกให้ความเห็นว่าเป็นนวัตกรรมที่น่าทึ่งในการดึงเอาวิถีชีวิตของประชากรในประเทศมาแปลงเป็นระบบการออมที่ใช้แรงจูงใจกระตุ้นอย่างน่าสนใจ โดยเป็นโมเดลตัวอย่างที่ธนาคารโลกประสงค์จะศึกษาเชิงลึกร่วมกับไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อนำไปปรับใช้และสร้างเป็นแนวทางสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ประสบปัญหาการขาดการออมเพื่อรองรับสังคมสูงวัยต่อไป” 

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า นอกจากโมเดลนี้จะสร้างระบบการออมที่ใช้แรงจูงใจแล้ว ยังใช้งบประมาณเพียงเล็กน้อยประมาณ 750 ล้านบาทต่อปี แต่สามารถกระตุ้นให้เกิดการออมได้ถึงปีละ 13,000 ล้านบาทต่อปี และยังเป็นการดึงเม็ดเงินจากการเสี่ยงโชคนอกระบบของไทย เข้าสู่ระบบ และแปลงเป็นการออมของประชากรในประเทศ 

สำหรับสลาก กอช. (หวยเกษียณ) เป็นสลากขูดแบบดิจิทัล ใบละ 50 บาท ขายให้กับประชาชนทุกคนที่มีสัญชาติไทย และมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป และซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน สามารถซื้อสลากได้ทุกวัน แต่ออกรางวัลทุกวันศุกร์ ผู้ถูกรางวัลจะได้เงินรางวัลทันทีผ่านพร้อมเพย์ โดยที่เงินค่าซื้อสลากทั้งหมดถูกเก็บเป็นเงินออม แม้ว่าจะถูกรางวัลหรือไม่ก็ตาม 

เงินรางวัลประกอบด้วย

  • รางวัลที่ 1 จำนวน 1,000,000 บาท จำนวน 5 รางวัล
  • รางวัลที่ 2 จำนวน 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล
  • รางวัลพิเศษ (แจ็คพอต) 1 รางวัล (ถ้ามี)

โดย “เงินค่าซื้อสลากทั้งหมดจะเป็นเงินออมของผู้ซื้อสลาก” และเมื่อผู้ออมอายุครบ 60 ปี จะคืนเงินทั้งหมดทุกบาท ทุกสตางค์ที่ซื้อสลากมาทั้งชีวิตบวกกับผลตอบแทนการลงทุนให้กับผู้ออม

ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการในวาระที่ 1 เรียบร้อยแล้ว และได้ตั้งกรรมมาธิการขึ้นพิจารณาจำนวน 31 คน และจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภา