“บิ๊กตู่” ถกด่วน สั่งทำมาตรการรับมือราคาพลังงานพุ่งสูง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษา เพื่อหารือด้านราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากสถานการณ์โลก

โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ร่วมพิจารณาเสนอแนวทางที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดกับประชาชนทุกคน

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้รับทราบการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการลงทุนโครงการอุตสาหกรรมอนาคต (S-curve) ในด้านต่าง ๆ ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ซึ่งมีพัฒนาการในการดำเนินการที่ดี มีความก้าวหน้า และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากนักลงทุน คาดว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมในเร็ววันนี้ 

รวมถึงหารือการพัฒนารูปแบบการรับวีซ่าแบบระยะยาว เพื่ออำนวยความสะดวก และปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับความต้องการ ปัญหา อุปสรรค สำหรับทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศที่ประสงค์พักในประเทศไทยระยะยาว อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยา เป็นต้น

ขณะเดียวกันที่ประชุมได้รายงานนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการหารือเพื่อเปิดการค้าการลงทุนระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย ในด้านสำคัญ ๆ อาทิ แนวทางเพื่อการลงทุนร่วมกันด้านอุตสาหกรรมโรงกลั่นและปิโตรเคมี การลงทุนด้านรถไฟฟ้า การลงทุนเกี่ยวกับเชื้อเพลิงชีวภาพและชีวเคมี 

รวมทั้งการลงทุนสมัยใหม่อุตสาหกรรมวิดีโอเกมส์และอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งคาดว่าความร่วมมือระหว่างกันจะมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมภายในเดือนมีนาคมนี้ 

“นายกฯ ได้ให้แนวทางในการทำงานว่าให้ทำงานเชิงรุก ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง และสถานการณ์ รวมทั้งต้องทำงานแบบก้าวหน้า และยั่งยืน รวมทั้งพิจารณาโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ ซึ่งในส่วนของสถานการณ์การค้าการลงทุนที่มีแนวโน้มที่ดีนั้น ขอให้คิดคำนึงให้รอบด้าน ปรับแนวทางการทำงานให้เหมาะสมสอดคล้อง รองรับกับสถานการณ์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย” 

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการหารือครั้งนี้ ได้มีการหยิบยกเรื่องของสถานการณ์พลังงานมาคุย ซึ่งถือเป็นการเรียกประชุมด่วนต่อเนื่อง ภายหลังนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน รวมทั้งผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ได้จัดการแถลงข่าวถึงมาตรการทางด้านการดูแลราคาพลังงาน 

โดยในการแถลงข่าว รองนายกฯ ยืนยันที่จะมีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ ขึ้น 15 บาทต่อถัง ขนาด 15 กิโลกรัม หรือปรับเพิ่มขึ้นอีก 1 บาทต่อกก.ด้วย

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ได้มีการย้ำในที่ประชุมว่า ในเรื่องของสถานการณ์พลังงานในตอนนี้ ได้ขอให้ทุกหน่วยงานทำงานให้เร็วขึ้น และติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด เพราะปัจจุบันมีราคาผันผวนสูง