วิกฤตยูเครนดันราคาปุ๋ย-อาหารสัตว์พุ่ง นายกฯ สั่งเกษตร-พาณิชย์คุมด่วน

11 มี.ค. 2565 | 02:48 น.

นายกฯ ห่วงวิกฤตยูเครน ยืดเยื้อทำราคาปุ๋ย-อาหารสัตว์เพิ่มขึ้นสูง สั่งเกษตร-พาณิชย์ ติดตามสถานการณ์ซื้อ-ขายในประเทศ กระจายแหล่งนำเข้าวัตถุดิบปุ๋ยและอาหารสัตว์ ช่วยบรรเทาภาระผู้ประกอบการ เกษตรกร และประชาชน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ห่วงวิกฤตยูเครน และรัสเซีย ที่ได้ส่งผลต่อระบบการค้าโลกแล้ว

 

โดยเฉพาะปุ๋ยและวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ ข้าวสาลี และข้าวโพด จะมีราคาเพิ่มขึ้นอีกเพราะรัสเซียและยูเครนเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญ

 

ขณะเดียวกันจากความสถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้น ยังทำให้ราคาน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์และสินแร่ที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศพุ่งสูงขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว และหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ ก็ทำให้เป็นห่วงว่า จะยิ่งทำให้การค้าโลกมีข้อจำกัดมากยิ่งขึ้นด้วย 

 

ทั้งนี้เนื่องจากไทยยังต้องนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ยจากต่างประเทศเป็นหลัก ประกอบกับราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่งสินค้าปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปุ๋ยในประเทศมีราคาแพงตั้งแต่ช่วงปลายปี 64 ถึงปี 65 

 

ล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้กำชับทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันเร่งแก้ปัญหา ทั้งติดตามระดับราคาอาหารสัตว์และปุ๋ยให้ขึ้น-ลงสอดคล้องกับสัดส่วนต้นทุนที่แท้จริง ไม่ให้มีการกักตุน และมีการฉวยโอกาสขึ้นราคา

ขณะเดียวกันก็ให้เร่งกระจายการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยและอาหารสัตว์จากแหล่งนำเข้าอื่นๆ เพิ่มเติม รวมทั้งใช้มาตรการอื่นในการอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหา ลดอุปสรรคการผลิต การนำเข้า เพื่อลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรด้วย

 

สำหรับสถิติในปี 2564 ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมีจาก 45 ประเทศ ปริมาณ 5,520,883 ตัน คิดเป็นมูลค่า 70,103 ล้านบาท โดย 5 ประเทศที่ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมีมากที่สุด ได้แก่ 

  1. จีน นำเข้า 1.25 ล้านตัน มูลค่า 16,997 ล้านบาท สัดส่วน 22.75%
  2. ซาอุดีอาระเบีย นำเข้า 8.4 แสนตัน มูลค่า 10,707 ล้านบาท สัดส่วน 15.3 %
  3. รัสเซีย นำเข้า 4.4 แสนตัน มูลค่า 5,604 ล้านบาท สัดส่วน 8.06%
  4. โอมาน นำเข้า 3.6 แสนตัน มูลค่า 4,381 ล้านบาท สัดส่วน 6.64%
  5. เกาหลีใต้ นำเข้า 3.3 แสนตัน มูลค่า 3,417 สัดส่วน 6.14% 

ทั้งนี้ ปุ๋ยเคมี และอาหารสัตว์ เป็นสินค้าควบคุมตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หากจะมีการปรับราคา กระทรวงพาณิชย์จะต้องพิจารณาคำร้องของผู้ประกอบการก่อน ซึ่งขณะนี้ กระทรวงพาณิชน์แจ้งว่า ยังไม่มีใครทำเรื่องขอปรับราคาอย่างเป็นทางการ

 

“นายกรัฐมนตรีได้เตรียมมาตรการและแนวทางรับมือผลกระทบตั้งแต่มีความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ก่อนที่จะพัฒนาเป็นวิกฤตสงคราม และนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมาเป็นระยะ โดยอะไรที่อยู่ในอำนาจหรือกฎหมายที่รัฐบาลสามารถผ่อนผันได้ ก็เร่งดำเนินการทันที”

 

สำหรับมาตรการที่ดำเนินการแล้ว เช่น กระทรวงการคลังใช้มาตรการทางภาษี ลดภาษีสรรพสามิต กระทรวงพลังงาน ดูแลราคาพลังงาน ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร กระทรวงพาณิชย์  กำกับราคาเนี้อสัตว์และอาหาร สินค้าจำเป็น เป็นต้น 

 

ทั้งนี้ หากภาวะสงครามยุติเร็ว คาดว่าราคาสินค้าและน้ำมันจะกลับเข้าสู่กลไกตลาด แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อ รัฐบาลก็ได้เตรียมมาตรการอื่น ๆ ไว้แล้ว เพื่อบรรเทาภาระให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชนให้มากที่สุดด้วย