“สิงห์ เอสเตท” เดินหน้า สู่ Low Carbon ตั้งเป้าลดปีละ 2%

09 ม.ค. 2565 | 08:36 น.

สิงห์ เอสเตท ประกาศเดินแผน Low Carbon ปี 2565 ลุยขยายโปรเจ็กต์ Sea You Tomorrow และตั้งเป้าลดการปล่อยมลพิษทั้งกระบวนการทำงาน ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ดูแลธรรมชาติ ผุดโปรเจ็กต์เรียนรู้การดูแลและรักษาป่าโกงกาง และหญ้าทะเล เดินหน้าสู่ CARBON NEUTRAL

 

นางสาวศิริธร ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายภาพลักษณ์องค์กร และการพัฒนาอย่างยั่งยืน บมจ.สิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่า ปีนี้ สิงห์ เอสเตท จะเดินหน้าโฟกัสเรื่องโลว์คาร์บอนเต็มที่ จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และการเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สิงห์ เอสเตท ดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบความยั่งยืนมาตั้งแต่ต้น ซึ่งที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท ได้รับเลือกเป็นบริษัท หุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยการเป็นบริษัทที่มีธุรกิจและผลกำไรเติบโต ควบคู่กับการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสิงห์ เอสเตท โฟกัสเกี่ยวกับ “ทะเล” เป็นแนวทางหลัก

 

โดยปี 2565 บริษัทมีเป้าหมายการสร้าง CARBON NEUTRAL หรือการไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิเพิ่มขึ้น จากการดำเนินธุรกิจหรือการบริการ ด้วยการทำโปรเจคเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม 2 เรื่องสำคัญ คือ การดูแลป่าโกงกาง และหญ้าทะเล ภายใต้โครงการ Sea You Tomorrow รวมทั้งการดำเนินการในกระบวนการทำงานในทุกหน่วยขององค์กร เพื่อลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยมลพิษ (carbon emission) โดยบริษัทมีเป้าหมายในการลดคาร์บอนลงปีละ 2% เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายการลดคาร์บอนลง 20% ภายในปี 2030 ตาม Paris Agreement

 

 “สิงห์ เอสเตท ทำเรื่ืองความยั่งยืนมาพักหนึ่งแล้ว เรามีทีมงานที่มีสกิลทางด้านนี้ และเมื่อบริษัทขยายธุรกิจเข้าไปสู่ธุรกิจไฟฟ้า จึงมีการมาดูอิมแพ็กต์ด้านคาร์บอนค่อนข้างเยอะ ทำให้เกิดการมองหาว่า อะไรที่บริษัทจะสามารถชดเชย หรือทำให้เป็น เราพอจะออฟเซ็ท หรือ ทำให้เป็น CARBON NEUTRAL ได้บ้าง”

 

 ทั้งนี้ เป้าหมายของสิงห์ เอสเตท ในเบื้องต้น ไม่ต้องการซื้อคาร์บอนเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนขององค์กร แต่อยากให้เกิดขึ้นจากความรับผิดชอบจากองค์กรเอง สิงห์ เอสเตท ปล่อยคาร์บอนเท่าไร ก็ควรรับผิดชอบและชดเชยในส่วนนั้นด้วยตัวเอง จึงทำให้มีแนวคิด ในการทำเรื่องป่าโกงกาง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของโรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ  ซึ่งมองว่า จะเป็นพื้นที่สำคัญที่สามารถชดเชยคาร์บอนได้ดีมาก และยังเป็นประโยชน์ต่อคนในชุมชน รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีอีกด้วย

 

สำหรับโครงการหลัก ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 คือ การเดินหน้าต่อโครงการ Sea You Tomorrow ซึ่งที่ผ่านมา ได้เริ่มต้นโครงการตั้งแต่ปี 2561 เพื่อการสร้างจิตสำนึก ไม่ทำร้ายชีวิตสัตว์ในทะเล และดูแลสิ่งแวดล้อม โดยปี 2565 จะทำเรื่องการดูแลรักษาป่าโกงกาง ที่บริเวณ โรงแรมทรายพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ ในพื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ และอยู่ภายในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และจะทำเรื่องหญ้าทะเลอย่างจริงจัง ในบริเวณโรงแรมของบริษัท ที่เกาะสมุย

 

 นอกจากนี้ ยังสร้างโรงบำบัดน้ำเสียให้กับชุมชน โดยโรงบำบัดน้ำเสียนี้ สิงห์ เอสเตท จะร่วมมือกับ อบต.ในพื้นที่ และจะตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงแรม  การติดโซล่ารูฟในโครงการต่างๆ ของสิงห์ เอสเตท เพื่อช่วยในการประหยัดพลังงาน และนำพลังงานหมุนเวียนกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งได้เริ่มดำเนินติดตั้ง 3 โรงแรมก่อนคือ สันติบุรี สมุย, ทราย ลากูน่า ภูเก็ต และทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ คาดว่าจะเสร็จภายในปี 2022

 

การประกาศไม่ซื้อไม้ ที่ได้ชื่อว่า Deforestation หรือไม้จากการตัดไม้ทำลายป่า โดยทุกหน่วยงานในสิงห์ เอสเตท ทั้งหมด จะไม่ซื้อไม้เหล่านี้ในทุกกิจกรรมของบริษัท

 

นางสาวศิริธร กล่าวอีกว่า ทั้งบริษัทของสิงห์ เอสเตท จะเป็นโลว์คาร์บอน ซึ่งจริง ๆ เรื่องนี้บริษัทดำเนินการอยู่แล้ว และจากเป้าหมาย ก็สามารถทำได้ตามเป้าแล้วบางส่วน โดยนำเรื่องโลว์คาร์บอนเข้าไปเป็นหนึ่งในซัพพลายเชน คือ มีการประเมินคู่ค้าว่าคุณปล่อยคาร์บอนเท่าไร เพื่อนำมาคำนวณคาร์บอนจากองค์กร ที่จะนำไปชดเชยผ่านโปรเจ็กต์ต่าง ๆ เช่น ป่าโกงกาง และหญ้าทะเล ที่กำลังจะดำเนินการต่อไป 

 

ที่ผ่านมา โรงแรมในเครือของสิงห์ เอสเตท ไม่มีการสร้างขยะทางทะเล ตั้งแต่ต้นทาง คือ ตั้งแต่สำนักงานในกรุงเทพฯ และไม่ว่าจะเป็นกระบวนการลงทุนใด ๆ ของบริษัท ต้องแน่ใจว่าไซด์ก่อสร้าง ไม่มีขยะพลาสติกเลย ไม่มีอะไรหลุดรอดไปแหล่งฝังกลบเลย ทุกโครงการของสิงห์ เอสเตท จะทำงานร่วมกับ “วน” ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากคนกลุ่มเล็ก ๆ ในเครือ บมจ.ทีพีบีไอ ที่มีความสนใจร่วมกันในการแก้ปัญหาขยะพลาสติก ส่วนของน้ำเสีย ก็จะต้องบำบัด แล้วนำไปใช้ในสวน ไม่มีการปล่อยน้ำเสียออกสู่ภายนอก

 

หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3747 วันที่ 9-12 มกราคม 2565