เช็คเงินเยียวยาเกษตรกร 2564 ส่วนต่างประกันรายได้ข้าว-ยาง สรุปครบจบที่นี่

09 ธ.ค. 2564 | 08:00 น.

เช็คเงินเยียวยาเกษตรกร 2564 ส่วนต่างประกันรายได้ข้าว-ยาง หลัง ธ.ก.ส.คิกออฟจ่ายเงินส่วนต่าง ให้กับเกษตรกรเริ่มจากงวดที่เท่าไหร่เช็คที่นี่ม้วนเดียวจบ

จากกรณีที่วันนี้ (9 ธ.ค.) เป็นวันแรกที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เริ่มโอนเงินเยียวยาให้กับเกษตรกร สำหรับโครงการประกันรายได้ข้าว และ ยางพารา จากผลกระทบภัยพิบัติธรรมชาติ

 

ล่าสุด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า  หรับประกันรายได้ข้าวและยางนั้น รัฐบาลได้ค้างจ่ายเงินส่วนต่างที่จะต้องจ่ายให้กับเกษตรกร เพื่อชดเชยกับราคาตลาดที่ไม่ถึงรายได้ที่ประกัน สำหรับการจ่ายส่วนต่างข้าว ที่ค้างจ่าย 5 งวด และยางที่ค้างจ่าย 2 งวด นั้นซึ่งหลังจากมีการขยายเพดานเงินกู้เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 35% สามารถนำเงินที่มีอยู่มาจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกับยางพาราได้

ไทม์ไลน์จ่ายเงินส่วนต่างข้าว มีดังนี้

 

  • สำหรับการจ่ายส่วนต่างข้าว ปีที่ 3 เงินที่เกษตรกรจะได้รับ มี 3 ก้อน  ก้อนที่1 เป็น เงินส่วนต่างที่งวดที่ 1-2 กับงวดที่ 3 บางส่วน ได้จ่ายให้กับเกษตรกรไปแล้ววงเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท ส่วนงวดที่ 3 ที่เหลือ จะมาจ่ายให้ครบโดยเริ่มจ่ายวันนี้ (9 ธ.ค. 2564) โดยจ่ายงวดที่ค้างอยู่ 5 งวดพร้อมกัน คือ งวดที่ 3 บางส่วนและงวด 4-7 รวมเป็นเงิน 64,847 ล้านบาท ส่วนงวดที่ 8 จะจ่ายวันที่ 14 ธ.ค.เป็นเงิน 3,720 ล้านบาท  และงวดที่ 9-33 จะทยอยจ่ายทุก 7 วันจนครบ โดยงวดสุดท้าย วันที่ 27 พ.ค. 2565

 

 

เกษตรกรครัวเรือนที่ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด ดังนี้

  • สำหรับผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ สูงสุด 58,988 บาท 
  • ข้าวหอมนอกพื้นที่สูงสุด 60,086 บาท
  • ข้าวหอมปทุม สูงสุด 36,358 บาท
  • ข้าวเปลือกจ้าว สูงสุด 67,603 บาท
  • ข้าวเหนียว 71,465 บาท
  • ช่วยชาวนาได้ประมาณ 4.7 ล้านครัวเรือน

 

 

  • เงินก้อนที่2

คือ เงินในมาตรการคู่ขนานซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางเป็นเวลา 5 เดือนเพื่อไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดมากจนเกินไป ช่วยตันละ 1,500 บาท หรือสหกรณ์เก็บไว้จะช่วยตันละ 1,500 บาท และช่วยเหลือดอกเบี้ย ถ้าสหกรณ์เก็บข้าว 12 เดือน ช่วยดอกเบี้ย 3% ถ้าโรงสี เก็บข้าว 6 เดือน จะช่วยดอกเบี้ย 3% เพื่อไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดมากเกินไปและไปกดราคาข้าวในตลาด

 

 

  • และก้อนที่ 3

คือ เงินช่วยค่าบริหารจัดการหรือปรับปรุงคุณภาพข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท โดยจ่ายวันที่ 13 ธ.ค. 2564 เป็นต้นไป เป็นเงิน 53,871 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.7 ล้านครัวเรือน

 

ราคาอ้างอิงส่วนต่างประกันราคาข้าว และ ยางพารา

ส่วนชาวนาที่น้ำท่วมเสียหายจะได้เงินอีกก้อนหนึ่ง คือ เงินชดเชยความเสียหายจากอุทกภัยหรือภัยธรรมชาติโดยชาวนาที่ปลูกข้าวแล้วน้ำท่วม จะยังได้รับเงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าว เพราะขอให้ปลูกจริง ไปขึ้นทะเบียนแม้พืชผลจะเสียหายเพราะภัยธรรมชาติจะยังได้รับเงินช่วยเหลือส่วนต่างเช่นกัน

 

 

สำหรับยางพาราจะเริ่มจ่ายงวดที่ 1-2 ในวันนี้ ( 9 ธ.ค. 2564) เช่นเดียวกัน โดยงวดที่ 1 วงเงินประมาณ 900 ล้านบาท งวดที่ 2 วงเงิน 540 ล้านบาท รวม 1,440 ล้านบาทโดยประมาณ และจะจ่ายงวดที่ 3-6 ทุกเดือนจนถึงเดือน เม.ย. 2565 โดยงวดที่ 3 จะเริ่มจ่ายวันที่ 7 ม.ค. 2565 วงเงิน 8,626 ล้านบาท  สำหรับยางพารามีเงินเตรียมไว้  10,065 ล้านบาท

 

 

โดยวงเงินสูงสุดที่ได้รับเฉพาะงวดที่ 1-2ยางแผ่นดิบสูงสุด 3,835 บาทต่อครัวเรือนน้ำยางข้น 2,975 บาท และยางก้อนถ้วยจะไม่ได้รับเงินส่วนต่าง ที่ผ่านมายางราคาดีกว่าช่วงก่อน สำหรับน้ำยางข้น ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 57 บาท ตอนนี้ราคาไปกิโลกรัมละ 60 บาทแล้ว ยางก้อนถ้วย ประกันที่กิโลกรัมละ 23 บาท ตอนนี้ 25-26 บาทแล้วภาคอีสานมากกว่าภาคใต้ 1 บาทเพราะอยู่ใกล้แหล่งการส่งออก ซึ่งยางก้อนถ้วยราคาสูงกว่ารายได้ที่ประกันมาเป็นปีแล้ว

 

 

“วันนี้ถือเป็นวัน Kick Off การจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและผู้ปลูกยางพาราพร้อมกัน โดยพืชอีก 3 ชนิดสูงกว่ารายได้ที่ประกันแล้ว สำหรับข้าวโพด ประกันรายได้ที่ 8.50 บาท ตอนนี้ 9.60 บาท ปาล์มน้ำมันประกันที่ 4 บาท ตอนนี้ราคา 8-9 บาทและมันสำปะหลังประกันที่ 2.50 บาท ก็ไป 2.50-2.70 บาท  ตอนนี้ราคาพืชเกษตรที่ประกันดีราคาเกือบทุกตัว ยกเว้นข้าวแต่ปีก่อนราคาข้าวดีพอสมควร แตะ 10,000 บาทสำหรับข้าวเปลือกเจ้า”.

 

ที่มา: ธ.ก.ส.