“LUFFALA” น้ำมันหอมระเหยปรับอากาศธรรมชาติตอบโจทย์เทศกาลปีใหม่

30 พ.ย. 2564 | 10:41 น.

LUFFALA น้ำมันหอมระเหยปรับอากาศธรรมชาติวิสาหกิจชุมชนลุฟฟาลา ชุมชนหนองแฟบ จ.ระยอง ตอบโจทย์เทศกาลปีใหม่ ชูจุดเด่นป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

รายงานข่าวระบุว่า วิสาหกิจชุมชนลุฟฟาลา ชุมชนหนองแฟบ จ.ระยอง ร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มหอมมะหาด ชุมชนเขาภูดร-เขาห้วยมะหาด และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC สร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ LUFFALA โดยล่าสุดเตรียมออกผลิตภัณฑ์ LUFFALA Room Diffuser: Recreation Series น้ำมันหอมระเหยปรับอากาศจากสารสกัดธรรมชาติ ตอบรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ทั้งนี้ Room Diffuser Product มี 4 กลิ่น ได้แก่ กลิ่น Rain (สะระแหน่) ,Soil (จิงจูฉ่าย) ,Tree (ว่านสาวหลง) และ Sun (เร่วหอม) ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติบนเขาห้วยมะหาด จังหวัดระยอง และสร้างการรับรู้(Awareness) ให้ทุกคนหันมาสนใจสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัดให้ยังคงอยู่ โดยนำพืชสมุนไพรที่ปลูกด้วยวิธีเกษตรอินทรีย์ (organic)จากกลุ่มหอมมะหาดชุมชนเขาภูดร-เขาห้วยมะหาดได้แก่ สะระแหน่,ว่านสาวหลง,จิงจูฉ่ายและเร่วหอม มาสกัดปรุงกลิ่นจนที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะของ “LUFFALA Recreation Series”

นอกจากนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังคำนึงถึงความยั่งยืน เชื่อมโยงสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคมและเศรษฐกิจเข้าด้วยกันตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำโดยต้นน้ำเริ่มจากการส่งเสริมการปลูกสมุนไพร 4 ชนิดได้แก่ สะระแหน่ ว่านสาวหลง จิงจูฉ่าย และ เร่วหอม ด้วยวิถีอินทรีย์ภายใต้โครงการ RayongOrganic Living และต่อยอดการควบคุมคุณภาพการเพาะปลูกด้วยแนวคิด Smart farmingเพื่อให้ได้ต้นสมุนไพรที่มีคุณภาพสูงสุด ก่อนนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย โดยเฉพาะ ว่านสาวหลง และ เร่วหอม พืชประจำถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์

LUFFALA น้ำมันหอมระเหยปรับอากาศธรรมชาติ
ส่วนปลายน้ำ คือการนำพืชสมุนไพรมาต่อยอดเป็น Room Diffuser หรือน้ำมันหอมระเหยปรับอากาศ โดยวิสาหกิจชุมชนลุฟฟาลา สกัดน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรออร์แกนิกและนำมาผสานเข้ากับนวัตกรรมGreen Solventของ GC และปรุงกลิ่นจนเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของลุฟฟาลา ทำให้ผลิตภัณฑ์ชุดนี้มีความโดดเด่นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เพราะนอกจากจะให้ความผ่อนคลายแล้วยังรักษ์สิ่งแวดล้อมและช่วยสนับสนุนชุมชนอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนกลับไปถึงการกำเนิดชุมชนต้นแบบวิสาหกิจชุมชนกลุ่มลุฟฟาลาแห่งนี้ ในปี พ.ศ. 2553 กลุ่มแม่บ้านชุมชนหนองแฟบ จังหวัดระยอง ได้รวมตัวกัน มุ่งมั่นจะสร้างรายได้จุนเจือครอบครัว สอดคล้องกับความตั้งใจของ GC ที่ต้องการสร้างชุมชนระยองให้เป็นชุมชนเข้มแข็ง โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น มาต่อยอดสร้างอาชีพให้ชุมชนอยู่แล้วจึงไม่รอช้าที่จะเข้ามาสนับสนุน ร่วมพัฒนาองค์ความรู้ให้กับชุมชน 
โดยได้สำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงและดูแลผิวจากสารสกัดสมุนไพรท้องถิ่น เช่น ผักบุ้งทะเล และมะหาด จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์แรก คือ สบู่ใยบวบ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ LUFFALA ที่เป็นภาษาฝรั่งเศส LUFFA แปลว่า ใยบวบ และ LA หมายถึง ผู้หญิง รวมกันเป็น LUFFALA นั่นเอง ซึ่งก็ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มลุฟฟาลาในปี 2554 และเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

พืชสมุนไพรมาต่อยอดเป็น Room Diffuser
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ LUFFALA มีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองตลาดของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ที่ให้ความใส่ใจกับสุขภาพอนามัยกันมากขึ้น จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัยขึ้นภายใต้แบรนด์ LUFFALA HYGIENE ตัวอย่างเช่น สบู่เหลวล้างมืออนามัยสูตรลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งส่วนประกอบกรีเซอรีนคุณภาพสูง และสารสกัดจากผักบุ้งทะเลช่วยฟื้นบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น และสเปรย์แอลกอฮอล์ เจลแอลกอฮอล์ ทำความสะอาดมือ เป็นต้น
"ความสำเร็จของแบรนด์ LUFFALA ตอกย้ำว่าเมืองระยองไม่ได้มีแค่ภาพของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่เป็นหนึ่งใน 3 จังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอี (EEC) ที่เป็นแม่เหล็กในการดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายจากทั่วโลกเท่านั้น หากแต่ภาคเกษตรสามารถที่จะอยู่เคียงคู่เมืองอุตสาหกรรมได้อย่างยั่งยืน สร้างรายได้ให้กับชุมชน คงเอกลักษณ์ของสมุนไพร และพืชผลไม้ ที่มีชื่อเสียงให้ดำรงสืบต่อไปได้ ด้วยการร่วมมือกันยกระดับขีดความสามารถที่ไม่ละทิ้งวิถีดั้งเดิมแต่เพิ่มเติมด้วยแนวคิดและนวัตกรรมในการสร้างคุณค่าอันจะนำมาต่อรายได้ที่สูงขึ้นเพียงพอให้ชุมชนได้พึ่งตนเองได้อย่างเข้มแข็ง"