BCG Zero Carbon เทรนด์การเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว

11 พ.ย. 2564 | 06:04 น.

BCG Zero Carbon เทรนด์การเข้าสู่ยุคดิจิทัล   สนค. ชี้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว พร้อมเสนอแนะให้ส่งเสริมการส่งออก เพื่อให้สอดรับกับกระแสด้านสิ่งแวดล้อมของโลก

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า กระแสการเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) และการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ของทั่วโลก เป็น 2 เทรนด์สำคัญมาแรงที่เร่งรัดให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเร็วขึ้น และต่างจะมีผลต่อรูปแบบและทิศทางการค้าระหว่างประเทศอย่างชัดเจนในบริบทการค้าแนวใหม่

BCG Zero Carbon เทรนด์การเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว

โดยเฉพาะประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกต่างมีเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างแน่วแน่ (รวมถึงไทย) ซึ่งการค้าในช่วงเวลาต่อจากนี้ ประเทศผู้นำเข้าปลายทางจะคำนึงถึงกระบวนการผลิตสินค้า และกำหนดกฎระเบียบ ซึ่งจะอยู่ในลักษณะเป็นมาตรการหรืออุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Measures/Barriers) อย่างจริงจัง

 

 

BCG Zero Carbon เทรนด์การเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว

โดยสนค.ได้มีการวิเคราะห์ไว้2 ปีระเด็นคือ 1.การเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) เห็นเด่นชัดมากขึ้นจากที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลายธุรกิจนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการในองค์กร ขณะเดียวกัน พฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้นในการทำงาน WFH และการดำรงชีวิตประจำวัน ทำให้สินค้าอุปกรณ์ไอทีเข้ามามีบทบาทอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าตลาดโลกจะมีความต้องการสินค้าที่มีนวัตกรรมมากขึ้น ซึ่งทำให้ไทยจะต้องพัฒนาและสร้างอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับห่วงโซ่การผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงนี้ และผลักดันรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดรับกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกัน การเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้ช่องทางการค้าปรับเปลี่ยนไปสู่ช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งในขณะนี้ในเวทีการค้าระหว่างประเทศก็หันมาให้ความสนใจการเจรจาในประเด็นด้านการค้าอีคอมเมิร์ซมากขึ้นเช่นกัน เพื่อให้เป็นช่องทางการค้าที่ปลอดภัย และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าสู่ตลาดผ่านช่องทางดังกล่าวได้อย่างมีอุปสรรคให้น้อยที่สุด

BCG Zero Carbon เทรนด์การเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว

 และ2. การมุ่งสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ถือเป็นกระแสสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสำคัญมากในขณะนี้ เนื่องจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีการใช้ทรัพยากรของโลกอย่างสิ้นเปลือง และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศ จนทำให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ จึงประกาศเจตนารมณ์ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 (ค.ศ. 2065) นอกจากนี้ ไทยยังจะผลักดันวาระการประชุมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ BCG (ซึ่งมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว) ในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกในปี 2565 ด้วย

BCG Zero Carbon เทรนด์การเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว

ยิ่งไปกว่านั้น การมีเป้าหมายบรรลุ Net Zero Carbon ของประเทศต่างๆ ทำให้ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว หันมามีมาตรการที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้ สหภาพยุโรปมีแนวทางชัดเจนที่จะใช้มาตรการปรับคาร์บอนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) อย่างเต็มรูปแบบในอีกไม่ถึง 5 ปีข้างหน้า โดยต้องมีการแสดงเอกสารปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนของสินค้า หรือที่เรียกว่า “ใบรับรองการปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือ CBAM certificates” และเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการผลิตสินค้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเกินกว่าที่กำหนด

BCG Zero Carbon เทรนด์การเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว

“ กระทรวงพาณิชย์ได้มีนโยบายที่จะสนับสนุนและผลักดันภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยให้สอดรับกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ อีกทั้งยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย สนค. ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าของประเทศ ได้ศึกษาและจัดทำรายการสินค้าส่งเสริมการส่งออกที่เป็นไปตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของประเทศ ซึ่งเห็นว่า ทิศทางการส่งเสริมสินค้าส่งออกในบริบทการค้าแนวใหม่ควรจะผลักดันและสนับสนุนการผลิตและส่งออกสินค้า ภายใต้แนวคิด “BCG Zero Carbon” และอาจพัฒนาไปสู่การเป็น BCG Climate Positive ให้เกิดขึ้นในระยะยาวได้ (กล่าวคือ การเป็นประเทศที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก) เพื่อให้สามารถสอดรับได้ทั้งโมเดลเศรษฐกิจ BCG และการดำเนินนโยบายและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของต่างประเทศที่อาจจะมีผลต่อการส่งออกไทยในอนาคต”

          นอกจากนี้การจัดทำรายการสินค้าส่งเสริมการส่งออก ภายใต้แนวคิด BCG Zero Carbon จะนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวางแนวทางผลักดันและส่งเสริมสินค้าส่งออกไทย ผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดภายใต้แผนงาน/โครงการของหน่วยงานภาครัฐ  เบื้องต้น สนค. ได้มีข้อเสนอรายการสินค้าที่ควรผลักดันและส่งเสริมสินค้าตามแนวคิด BCG Zero Carbon ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร อาทิ อาหารฟังก์ชั่น โปรตีนทางเลือก อาหารแนวใหม่ (Novel food) Functional ingredients สินค้าเกษตรมูลค่าสูง อาหารสัตว์เลี้ยง กลุ่มสินค้าพลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ อาทิ พลาสติกชีวภาพ ไบโอดีเซล บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สารสกัดสำหรับใช้ทำน้ำหอม เครื่องสำอาง กลุ่มสินค้าสุขภาพและการแพทย์ อาทิ สารสกัดจากพืชและสมุนไพรที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมยา ยาสมุนไพร เป็นต้น