ราคาน้ำมันโลกพุ่ง "ปตท." โอด ค่าการตลาดต่ำสุด

22 ต.ค. 2564 | 03:02 น.

ปตท.จับตาทิศทางราคาน้ำมันใกล้ชิด ยอมรับค่าการตลาดที่เรียกเก็บต่ำสุด คาดราคาน้ำมันอยู่ระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ไปถึงสิ้นปี หวังสหรัฐฯเพิ่มการผลิตเชลออยล์ช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ มั่นใจโรงกลั่น ปตท. พร้อมเดินหน้ายูโร 5 เต็มกำลัง

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี สำหรับน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (ระดับ 79 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล) และในรอบ 3 ปี สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์ (82 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล) หลังตลาดกังวลวิกฤติพลังงานขาดแคลนทั่วโลกส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากการใช้น้ำมันทดแทนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ราคาน้ำมันในไทยได้ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกว่า ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดที่ประชุมองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออกและประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส) ยังคงมติเพิ่มกำลังการผลิตที่ 400,000 บาร์เรลต่อวันสำหรับเดือนพฤศจิกายน 2564
ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในช่วงสิ้นปีนี้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีข้อดีที่การประชุมโอเปกจะประชุมกันบ่อยขึ้นทุกเดือน เพื่อพิจารณาเรื่องของการผลิตน้ำมัน ซึ่ง ปตท. เองก็จะติดตามอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ในส่วนของสถานการณ์ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศนั้น รัฐบาลก็พยายามช่วยผู้บริโภคอย่างเต็มที่ โดยการแบกรับภาระค่าการตลาด ซึ่งปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาขายหน้าสถานีบริการน้ำมัน แม้ราคาในตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม

อย่างไรก็ดี หากถามว่ามาตรการดูแลประชาชนล่าสุดที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ออกมาล่าสุดในการช่วยลดราคาน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาทและเป็นราคาเดียวทั้งประเทศเป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้นหรือไม่ และจะต้องมีนโยบายอะไรออกมาเพิ่มเติม คงต้องเรียกว่าราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นและลงเป็นเรื่องปกติ โดยช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูง รัฐบาลก็มีนโยบายออกมาเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชน
ด้านนายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันค่าการตลาดที่บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ เก็บอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม ถือว่าต่ำที่สุดในตลาดแล้ว โดย ปตท. ต้องจัดสรรงบประมาณไปช่วยเหลือในส่วนดังกล่าว ขณะที่ภาพรวมราคาน้ำมันในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลจนถึงสิ้นปี เนื่องจากความต้องการใช้ที่เพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ของโลก

มาตรการดูแลราคาน้ำมันในประเทศ
“ค่าการตลาดตอนนี้ต้องยอมรับว่าน้อยมาก โดยเป็นเพียงแค่เก็บเพื่อบริหารจัดการให้บริษัทอยู่รอดเท่านั้น ขณะที่ภาพรวมการใช้น้ำมันของไทยอยู่แค่ 1% ของทั้งโลก อาจจะต้องรับผลกระทบของความผันผวนไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งก็ต้องรอว่าจะมีการผลิตจากส่วนไหนเข้ามาช่วยหรือไม่ อาทิ การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (เชลออยล์) ในสหรัฐอเมริกา ที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาในช่วงที่ความต้องการมากแบบนี้ ก็คงจะมาช่วยผ่อนคลายให้ราคาน้ำมันในโลกนี้ไม่ตึงเกินไป แต่การผลิตของเชลออยล์ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ เช่นการเก็บภาษีด้านการปล่อยคาร์บอนในสหรัฐฯ ที่ผู้ผลิตก็อาจจะมองว่าไม่คุ้มทุน และไม่จูงใจที่จะดำเนินการผลิตในช่วงนี้”

ด้านความพร้อมของโรงกลั่นน้ำมันกลุ่ม ปตท. ที่จะดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซล ให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพลังงานที่กำหนดให้จำหน่ายน้ำมันดีเซลในประเทศตามมาตรฐาน Euro 5 หรือยูโร 5 นั้น ปัจจุบันทุกโรงกลั่นพร้อมแล้วที่จะดำเนินงานตามมาตรการ ตามนโยบายรัฐในวันที่ 1 มกราคม 2567 โดยมั่นใจว่าเมื่อถึงเวลาหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างกระทรวงพลังงานจะออกกำหนดการที่ชัดเจนออกมา กลุ่ม ปตท. พร้อมที่จะดำเนินงานอย่างแน่นอน
สำหรับค่าการตลาดที่ ปตท.เรียกเก็บในปัจจุบัน ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2564 ดีเซลอยู่ที่ 0.3926 บาทต่อลิตร ขณะที่ก่อนหน้าจะมีมติประชุม กบง. ออกมา (ก่อนวันที่ 5 ต.ค. 64) ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลเรียกเก็บอยู่ที่ 1 บาทกว่าต่อลิตร แสดงให้เห็นว่าในส่วนของ ปตท. ต้องเข้ามาแบกรับค่าตลาดที่ลดลงเกือบ 1 บาทต่อลิตร ขณะที่ภาพรวมการขายน้ำมันของ ปตท. ดีเซลอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านลิตรต่อวัน