"รสนา" จี้ กบง.เลิกต่ออายุการชดเชยน้ำมันชีวภาพหลัง ปี 2565

05 ต.ค. 2564 | 03:11 น.

เรื่องใหญ่ หลัง กบง. เปลี่ยนน้ำมันผสมบี7และบี10 เหลือบี6 "รสนา โตสิตระกูล" จี้ยกเลิก บี20 ภายในปี 2564 เลิกต่ออายุการชดเชยน้ำมันชีวภาพหลัง ปี 2565 หยุดอุ้มโรงกลั่นน้ำมัน ดูแลประชาชนให้สมกับที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน

นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา เขียนโพสเฟซบุ๊กส่วนตัว (รสนา โตสิตระกูล)   จากมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง) มีมติจะลดประเภทน้ำมันบี7 และ บี10 เหลือบี6 ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน1บาท และเก็บค่าการตลาดเหลือ 1.40บาท (จากราคาอ้างอิง1.50บาทต่อลิตร) ราคาดีเซลบี6 จะมีราคา 28.29 บาท/ลิตร แต่สิ่งที่กบง.ประกาศแก้ไขน้ำมันดีเซลราคาแพงขณะนี้ ก็เป็นเพียงลดกระแสความไม่พอใจของสังคม และเป็นการปะผุโครงสร้างราคาน้ำมันไปชั่วคราวเท่านั้นเอง

 

ในข่าวไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะยกเลิกบี20ไปด้วยหรือไม่ เพราะบี20ที่ผสมไบโอดีเซล(บี 100)ในสัดส่วน 20% ในขณะที่ราคา บี100 มีราคาสูงถึง41.66 บาท/ลิตร แพงกว่าน้ำมันดีเซลปกติเกินเท่าตัว (ราคา 4 ตุลาคม 2564) ถ้าไม่ยกเลิก ก็แสดงว่ายังต้องล้วงเงินจากกองทุนน้ำมันมาชดเชยซึ่งปัจจุบันชดเชยอยู่ 4.16 บาท/ลิตร ก็จะกลายเป็นว่าน้ำมันผสมบี 20 จะเอาเงินกองทุนน้ำมันจากผู้ใช้เบนซินมาชดเชยดีเซล เพราะมติวันนี้กบง.ลดการเก็บเงินบี7 เข้ากองทุนจาก1บาทเหลือ 0.01 บาท

 

ต้องถามรัฐบาลและกระทรวงพลังงานว่าผสมน้ำมันชีวภาพไบโอดีเซลและเอทานอลเพื่ออะไร!?

 

1.ในอดีตในหลวงรัชกาลที่9 ทรงมีพระดำรัสว่าเอาเอทานอล 10% มาเติมในน้ำมันเบนซินทำให้น้ำมันถูกลงลิตรละ 50สตางค์ ถือว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่ผ่านมา20กว่าปี ทุกอย่างกลับตาลปัตร

 

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ  “เอทานอล” ผลิตจาก "กากน้ำตาล" หรือ "มันสำปะหลัง" มีราคาแพงกว่าน้ำมันฟอสซิล ทั้งที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า30% และแพงกว่าเอทานอลตลาดโลก ดังนั้นยิ่งเติมเอทานอลในเบนซิน ราคาก็ยิ่งสูง เพื่อบังคับให้ประชาชนใช้ รัฐบาลจึงใช้อำนาจกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันหลอกว่าราคาน้ำมันผสมราคาถูกกว่า

 

แต่ราคาถูกด้วยการเอาเงินของประชาชนผู้ใช้น้ำมันอีกประเภทมาชดเชย ใช่หรือไม่ ตามหลักธุรกิจต้องถือว่าเอทานอลและบี100 เป็นธุรกิจที่ไม่มีอนาคต แต่ที่อยู่ได้เพราะรัฐบาลใช้อำนาจบังคับขายสินค้าแพงโดยรีดเงินจากประชาชนมาชดเชยให้ราคาน้ำมันถูกลง ซึ่งเป็นการอุ้มโรงกลั่นน้ำมันให้ร่ำรวยจากการขายน้ำมันชีวภาพราคาแพงใช่หรือไม่

 

2. ไบโอดีเซล (บี100)ที่นำมาเติมในน้ำมันดีเซลก็แบบเดียวกัน เพื่อเป็นทางเลือกได้ใช้น้ำมันถูกลง รักษาสิ่งแวดล้อม อุ้มเกษตรกรปาล์มน้ำมัน แต่เมื่อไบโอดีเซลแพงว่าน้ำมันดีเซลปกติถึง 2 เท่ากว่า กบง.ยังควรทู่ซี้เอาบี100มาเติมดีเซลให้แพงขึ้นต่อไปหรือไม่ พรบ.กองทุนน้ำมัน 2562 ให้ลดการสนับสนุนน้ำมันชีวภาพลงทุกปีในช่วงเปลี่ยนผ่าน และให้เลิกชดเชยน้ำมันชีวภาพภายใน3ปี คือปี2565 กบง.ไม่ควรต่ออายุการชดเชยน้ำมันชีวภาพหลังปี2565

 

ดังนั้นกบง.จึงควรใช้โอกาสนี้ยกเลิกบี20 ไปเลย และภายในสิ้นปี2564 ก็ควรยกเลิกการเติมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลทุกชนิด ถ้าราคา บี100สูงเกิน 20%ของน้ำมันดีเซล และเพื่อความเป็นธรรมในการคิดราคาน้ำมัน กบง. ควรยกเลิกต้นทุนเทียมที่ใช้ในสูตรราคาเนื้อน้ำมันนำเข้าจากสิงคโปร์ เพราะไม่มีการนำเข้าจริงเป็นน้ำมันที่กลั่นในประเทศ  ก็จะสามารถลดราคาเนื้อน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลได้อีก 70 สตางค์-1 บาท/ลิตร

 

3.กบง.ควรพิจารณายกเลิกน้ำมัน อี85 และอี20 เพื่อลดการใช้กองทุนน้ำมันมาชดเชย อี85 อี20 ในอัตรา7.13 บาท และ  2.28 บาท/ลิตร และถ้าเอทานอลราคาแพงกว่าเบนซินเกิน20% ก็ควรยกเลิกน้ำมันสูตรผสมไปเสีย เพื่อไม่เป็นภาระต่อเงินกองทุนน้ำมันที่ควรใช้เมื่อน้ำมันตลาดโลกเกิดความผันผวน ราคาแพงจนกระทบค่าครองชีพ

                                                                                                                               

4.กบง.ควรกำกับไม่ให้มีการขึ้นราคาน้ำมันเกินเดือนละ1ครั้ง หากราคาตลาดโลกน้ำมันปรับขึ้นมากเกินไปควรเอากองทุนน้ำมันมาชดเชยที่เนื้อน้ำมัน เพื่อให้ราคาน้ำมันไม่ปรับตัวมากเกินไปจนกระทบราคาสินค้าและค่าครองชีพ

 

5.รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานควรหารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงไปในระยะนี้ที่ประชาชนลำบากจากวิกฤตโควิด และน้ำท่วม สินค้าอุปโภค บริโภค แพงขึ้นมากจากราคาน้ำมัน การลดการเก็บภาษีน้ำมันลงชั่วคราวลิตรละ5บาท จะเป็นการช่วยประชาชนในยามลำบากได้บ้าง เพราะราคาพลังงานบ้านเรานับว่าแพงที่สุดประเทศหนึ่งเมื่อเทียบกับค่าแรงงานขั้นต่ำ!!!

 

กบง.หยุดอุ้มโรงกลั่นน้ำมันและดูแลประชาชนให้สมกับที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน