นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ซึ่งมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานได้มีข้อสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นที่จะมีผลปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินได้ 50 สตางค์/ลิตร โดยเรื่องดังกล่าวจะถูกส่งเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน. เพื่อนำกลับเข้าสู่ที่ประชุม กบง. ครั้งถัดไป และผลักดันเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 19 มีนาคม 2563 ต่อไป เนื่องจากมีผลกระทบต่อโครงสร้าง
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเป็นการหารือของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยถือเป็นครั้งแรกที่มีการเชิญภาคประชาชน เอ็นจีโอ มาหารือกับกระทรวงพลังงานที่จะทำโครงสร้างราคาน้ำมันที่เป็นธรรม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาข้อยุติเพราะมีข้อรายละเอียดซับซ้อน โดยเดิมตั้งใจจะให้เสร็จในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ครั้งนี้แต่ไม่ทัน ซึ่งก็ได้ข้อยุติที่จะลดลงก่อนเบื้องต้น 50 สตางค์/ลิตร โดยที่โครงสร้างนี้ก็จะเป็นแบบถาวร”
อย่างไรก็ดี กบง.ยังได้เห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซลB10 ซึ่งรัฐได้ประกาศให้เป็นน้ำมันพื้นฐานแทนดีเซล B7 โดยภายใน 1 มีนาคม 63 ทุกสถานีบริการน้ำมันจะต้องจำหน่ายทั้งหมดด้วยการกำหนดส่วนต่างราคาขายปลีกปัจจุบันจากเดิมB10 ถูกกว่าB7 จำนวน 2 บาท/ลิตร และB20 ถูกกว่าB10 จำนวน 1 บาท/ลิตรเป็น B10 ถูกกว่า B7 จำนวน3บาท/ลิตร และB20 ถูกกว่าB7 จำนวน 3.50 บาท/ลิตรเพื่อจูงใจให้คนหันมาใช้มากขึ้น โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อไปอีกว่า จากส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลปัจจุบันนั้น มองว่ายังไม่จูงใจให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้ดีเซลB10 ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันไบโอดีเซล ยังไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดซึ่งการปรับครั้งนี้จะทำให้B 20 ถูกกว่าB 10 เหลือแค่ 50 สตางค์/ลิตร ส่วนผู้ประกอบการกำหนดค่าการตลาด ให้B 10 มีค่าการตลาด 1.85 บาท ส่วนB 20 เหลือ 1.55 บาท และ B 7 เหลือ 1.50 บาท เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการจำหน่ายB 10 อีกทางหนึ่งด้วย
“แนวทางดังกล่าวจะต้องนำเสนอ กบน. เพื่อที่จะพิจารณาแนวทางกลไกการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาสนับสนุนนโยบายดังกล่าวต่อไป ซึ่งแผนดังกล่าวจะส่งผลให้การใช้B10 เพิ่มเป็น 20 ล้านลิตร/วัน และระยะยาวจะไปสู่ระดับ 57 ล้านลิตร/วัน”