Play
พาณิชย์ร่อนหนังสือแจงสหรัฐ 10 พ.ค.ยันทำการค้าเป็นธรรม
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
กระทรวงพาณิชย์เตรียมส่งหนังสือชี้แจงสหรัฐฯ 10 พ.ค.นี้ยันไทยทำการค้าที่เป็นธรรมภายใต้ WTO ชี้เหตุสหรัฐฯขาดดุลจากนำเข้าสินค้าที่ผลิตไม่ได้เอง และยังได้ประโยชน์จากการลงทุนในไทย
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมกับภาคเอกชน เพื่อหารือเรื่อง ผลกระทบการค้าสหรัฐฯ (สืบเนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งตรวจสอบการขาดดุลการค้าที่มีต่อไทย และกับอีก 15 ประเทศ) โดยมีตัวแทนภาคเอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมยื่นเอกสารเพื่อชี้แจงในประเด็นดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 9 พ.ค.ก่อนจะนำเสนอไปยังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ซึ่งข้อมูลที่เสนอไปจะครอบคลุมถึงความสัมพันธ์ในทุกด้านระหว่างไทยและสหรัฐ รวมถึงด้านการค้า การลงทุน
“ยืนยันว่าเป็นประเทศที่ทำการค้าโดยไม่ได้เลือกปฏิบัติภายใต้มาตรการของข้อตกลงต่างๆที่มีร่วมกันโดยเฉพาะในองค์การการค้าโลก (WTO) แต่ต้องยอมรับว่าสินค้าบางชนิดที่ไทยต้องนำเข้าจากประเทศอื่นแต่ไม่ได้นำเข้าจากสหรัฐฯเพราะไทยไม่มีข้อตกลงอื่นร่วมกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อตกลงเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ) แต่ก็จะเดินหน้าเจรจาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแม้จะไม่ได้ทำเอฟทีเอร่วมกันก็ตาม เพื่อให้การค้าทั้งสองประเทศอยู่ในจุดที่สมดุล”
ทั้งนี้ในเรื่องดังกล่าวกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือเตรียมความพร้อมในประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่องโดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ส่วนการหารือร่วมกับเอกชนในภาพรวมเอกชนไม่ค่อยกังวลกับเรื่องดังกล่าวมากนักเพราะสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นสินค้าที่สหรัฐฯไม่สามารถผลิตเองได้อยู่แล้วต้องนำเข้าจากไทยและประเทศอื่นๆ เช่น ยางรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ทำให้สหรัฐฯขาดดุลกับไทย
อย่างไรก็ตามไทยเองก็ขาดดุลสหรัฐในด้านธุรกิจบริการยกเว้นด้านการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันนักลงทุนสหรัฐก็เข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมากซึ่งส่งผลดีต่อนักลงทุนสหรัฐเอง ประเด็นนี้กระทรวงจะเน้นย้ำให้สหรัฐฯเข้าใจ ว่าสหรัฐก็ได้ใช้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุนในไทยเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายได้ดุลอยู่ฝ่ายเดียวเพียงแต่ไม่ได้มีการพูดถึงมากเท่ากับการส่งออกในรูปแบบของสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐเท่านั้นเอง ซึ่งโดยสรุปแล้วทั้งสองประเทศต่างก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
“กระทรวงจะรายงานไปว่าทุกประเด็นที่สหรัฐกังวล เช่นด้านแรงงาน ทรัพย์สินทางปัญญา ไทยได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องมีกฎหมายต่างๆออกมาหลายฉบับ การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน การจัดตั้งธุรกิจ ในส่วนของการทำการค้าเราก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมทุกอย่างอยู่ภายใต้ตามกฎของ WTO”
สำหรับปี 2559 ไทยส่งออกไปสหรัฐฯกว่า 2.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น11.43% ของการส่งออกไปต่างประเทศทั้งหมด ส่วนช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ไทยส่งออกไปสหรัฐมีมูลค่า 6,079 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปีนี้ยังเชื่อว่าการค้าระหว่างไทยและสหรัฐจะขยายตัว 5-10 %
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมกับภาคเอกชน เพื่อหารือเรื่อง ผลกระทบการค้าสหรัฐฯ (สืบเนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งตรวจสอบการขาดดุลการค้าที่มีต่อไทย และกับอีก 15 ประเทศ) โดยมีตัวแทนภาคเอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมยื่นเอกสารเพื่อชี้แจงในประเด็นดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 9 พ.ค.ก่อนจะนำเสนอไปยังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ซึ่งข้อมูลที่เสนอไปจะครอบคลุมถึงความสัมพันธ์ในทุกด้านระหว่างไทยและสหรัฐ รวมถึงด้านการค้า การลงทุน
“ยืนยันว่าเป็นประเทศที่ทำการค้าโดยไม่ได้เลือกปฏิบัติภายใต้มาตรการของข้อตกลงต่างๆที่มีร่วมกันโดยเฉพาะในองค์การการค้าโลก (WTO) แต่ต้องยอมรับว่าสินค้าบางชนิดที่ไทยต้องนำเข้าจากประเทศอื่นแต่ไม่ได้นำเข้าจากสหรัฐฯเพราะไทยไม่มีข้อตกลงอื่นร่วมกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อตกลงเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ) แต่ก็จะเดินหน้าเจรจาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแม้จะไม่ได้ทำเอฟทีเอร่วมกันก็ตาม เพื่อให้การค้าทั้งสองประเทศอยู่ในจุดที่สมดุล”
ทั้งนี้ในเรื่องดังกล่าวกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือเตรียมความพร้อมในประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่องโดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ส่วนการหารือร่วมกับเอกชนในภาพรวมเอกชนไม่ค่อยกังวลกับเรื่องดังกล่าวมากนักเพราะสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นสินค้าที่สหรัฐฯไม่สามารถผลิตเองได้อยู่แล้วต้องนำเข้าจากไทยและประเทศอื่นๆ เช่น ยางรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ทำให้สหรัฐฯขาดดุลกับไทย
อย่างไรก็ตามไทยเองก็ขาดดุลสหรัฐในด้านธุรกิจบริการยกเว้นด้านการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันนักลงทุนสหรัฐก็เข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมากซึ่งส่งผลดีต่อนักลงทุนสหรัฐเอง ประเด็นนี้กระทรวงจะเน้นย้ำให้สหรัฐฯเข้าใจ ว่าสหรัฐก็ได้ใช้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุนในไทยเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายได้ดุลอยู่ฝ่ายเดียวเพียงแต่ไม่ได้มีการพูดถึงมากเท่ากับการส่งออกในรูปแบบของสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐเท่านั้นเอง ซึ่งโดยสรุปแล้วทั้งสองประเทศต่างก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
“กระทรวงจะรายงานไปว่าทุกประเด็นที่สหรัฐกังวล เช่นด้านแรงงาน ทรัพย์สินทางปัญญา ไทยได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องมีกฎหมายต่างๆออกมาหลายฉบับ การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน การจัดตั้งธุรกิจ ในส่วนของการทำการค้าเราก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมทุกอย่างอยู่ภายใต้ตามกฎของ WTO”
สำหรับปี 2559 ไทยส่งออกไปสหรัฐฯกว่า 2.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น11.43% ของการส่งออกไปต่างประเทศทั้งหมด ส่วนช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ไทยส่งออกไปสหรัฐมีมูลค่า 6,079 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปีนี้ยังเชื่อว่าการค้าระหว่างไทยและสหรัฐจะขยายตัว 5-10 %