สิงคโปร์ประกาศล็อกดาวน์รอบใหม่ 4 สัปดาห์ เริ่ม 16 พ.ค.นี้

14 พ.ค. 2564 | 08:47 น.

สัญญาณไม่ดีสำหรับสิงคโปร์เมื่อเกิดคลัสเตอร์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มบุคลากรที่ทำงานในสนามบินชางงี ทั้งยังมีการตรวจพบเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดียเมื่อเร็ว ๆนี้ ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ตัดสินใจยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ให้เข้มงวดเหมือนกับที่เคยล็อกดาวน์เมื่อปี 2563 ถือเป็นการล็อกดาวน์รอบใหม่ระยะเวลา 4 สัปดาห์

กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ประกาศวันนี้ (14 พ.ค.) ยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้เข้มข้นเหมือนกับที่เคย ล็อกดาวน์ เมื่อปี 2563 โดยจะห้ามไม่ให้มีการรับประทานอาหารภายในร้านและห้ามชุมนุมกันเกิน 2 คน หลังตรวจพบ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่ทราบแหล่งที่มาจำนวนเพิ่มขึ้น

แถลงการณ์จากกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุว่า มีรายงาน พบผู้ติดเชื้อในประเทศแบบไม่ทราบแหล่งที่มาแน่ชัด เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์จำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพราะหากหลุดรอดไปเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้การแพร่ระบาดของโรคลุกลามถึงขั้นควบคุมไม่ได้

รายงานข่าวระบุว่า มาตรการที่เข้มงวดขึ้นนี้จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 4 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 13 มิ.ย. ซึ่งนอกเหนือจากการจำกัดจำนวนผู้ชุมนุม และห้ามร้านอาหารเปิดให้รับประทานอาหารภายในร้าน (แต่อนุญาตให้ขายอาหารแบบซื้อกลับบ้านและเดลิเวอรีเท่านั้น) ทางรัฐบาลยังขอให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านด้วย

นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังสั่งลดจำนวนคนตามห้างสรรพสินค้าและโชว์รูม ลดจำนวนพนักงานตามสถานที่ต่างๆ ให้ปฏิบัติงานในสถานที่นั้นได้ไม่เกิน 25% จากเดิม 50% อีกทั้งยังห้ามจัดงานแต่งงาน ส่วนการจัดประชุมและการแสดงสด ก็อนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมได้ไม่เกิน 100 คนในกรณีที่มีการตรวจสอบก่อนเข้างาน แต่หากไม่มีการตรวจสอบก่อนเข้างาน จะอนุญาตให้มีจำนวนผู้เข้าร่วมงานได้ไม่เกิน 50 คน

ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นสัปดาห์ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติสิงคโปร์ และการท่าอากาศยานชางงี ยังได้ออกแถลงการณ์ร่วม เรื่องการปิดอาคารผู้โดยสารหมายเลข 1 และ 3 ของท่าอากาศยานนานาชาติชางงี เป็นเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมนี้ และจะกลับมาเปิดบริการอีกครั้งในวันที่ 27 พฤษภาคม เช่นเดียวกับอาคารจูเอิล ชางงี (Jewel Changi) ที่ปิดให้บริการตลอดระยะเวลาดังกล่าวเช่นกัน

ส่วนอาคารผู้โดยสารหมายเลข 2 ของสนามบินชางงีนั้น นับว่าปิดให้บริการเป็นเวลา 18 เดือนแล้ว นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา (2563)

สิงคโปร์ประกาศล็อกดาวน์รอบใหม่ 4 สัปดาห์ เริ่ม 16 พ.ค.นี้

ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันว่า บริการเที่ยวบินพาณิชย์ทั้งหมดรวมถึงบริการคาร์โก (เที่ยวบินขนส่งสินค้า) ที่เข้าและออกสนามบินชางงี ยังคงให้บริการตามปกติ แต่จะมีการยกระดับมาตรการควบคุมทางสังคม และมาตรการตรวจคัดกรองโรคที่จุดผ่านแดนอย่างเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเหตุผลหลักในการปิดอาคารผู้โดยสารเป็นการชั่วคราวนั้น ก็เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรคระหว่างบุคลากรของสนามบินกับประชาชนภายนอก

สื่อท้องถิ่นของสิงคโปร์ระบุว่า ได้เริ่มมีการตรวจคัดกรองบุคลากรประมาณ 9,000 คนที่ทำงานประจำอาคารผู้โดยสารหมายเลข 1 และ 3 ของท่าอากาศยานนานาชาติชางงี ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดคลัสเตอร์การติดเชื้อโควิด-19 ของเจ้าหน้าที่สนามบินที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ B.1.617 หรือไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียด้วย

ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ชี้ว่า สิงคโปร์ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 32 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 24 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ 17 รายมีความเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์สนามบินชางงี (ซึ่งคลัสเตอร์นีร้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 43 ราย) นอกนั้น 8 รายเป็นผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวเองที่บ้าน

ข่าวระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อภายในประเทศครั้งล่าสุดนี้ นับเป็นจำนวนที่มากที่สุดในรอบกว่า 10 เดือนที่ผ่านมา นับจากวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ที่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ 24 ราย

ปัจจุบันสิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวมทั้งสิ้น 61,451 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิดสะสมที่  31 ราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง