ญี่ปุ่นเบรกเอี๊ยดโครงการ Go To Travel ทั่วประเทศ หลังโควิดพุ่งต่อเนื่อง

14 ธ.ค. 2563 | 21:00 น.

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น ทำให้นายกรัฐมนตรี “โยชิฮิเดะ ซูงะ” สั่งด่วนเบรกโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ภายใต้ชื่อโครงการ Go To Travel แล้ววานนี้ (14 ธ.ค.)

 

“โก ทู ทราเวิล” (Go To Travel) เป็น โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศญี่ปุ่น หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้อุตสาหกรรมการเดินทางท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก ธุรกิจเกี่ยวเนื่องในภาคบริการ เช่น ธุรกิจโรงแรม ภัตตาคารร้านอาหาร ค้าปลีก รถรับส่ง ฯลฯ พลอยสะดุดกันไปทั้งหมด รัฐบาลญี่ปุ่นจึงมีดำริจัดทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศและกระตุ้นการใช้จ่ายออกมา โดยรัฐออกเงินสนับสนุนทั้งในฝั่งผู้ประกอบการและประชาชน มุ่งหวังให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวและใช้จ่ายกันมากขึ้น ทั้งภายใต้โครงการ “โก ทู ทราเวิล” (Go To Travel) และ “โก ทู อีท” (Go To Eat) ลักษณะคล้ายโครงการ “ชิมช้อปใช้” และ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของไทย    

 

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นที่ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมทั้งกรุงโตเกียว ทำให้ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนรวม 177,287 ราย และเสียชีวิต 2,562 รายทั่วประเทศ การเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด จึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค ก่อนหน้านี้มีการทยอยระงับทั้งโครงการ Go To Travel และ Go To Eat ในบางพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง แต่ล่าสุดวานนี้ (14 ธ.ค.) นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ตัดสินใจประกาศระงับโครงการดังกล่าวเป็นการชั่วคราวแล้ว “ทั่วประเทศ” เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.2563-11 ม.ค.2564

 

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว รัฐบาลญี่ปุ่นจึงจะตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการเหล่านี้อีกครั้ง โดยจะพิจารณาจากความคืบหน้าของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศว่าคลี่คลายลงสู่ระดับที่สมควรส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัยอีกครั้งแล้วหรือไม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บริษัทญี่ปุ่น 90% งดจัดงานเลี้ยงปีใหม่ เลี่ยงโควิด

โควิด -19 ซัดศก.ญี่ปุ่นตกต่ำเป็นประวัติการณ์

ญี่ปุ่นยังน่าเป็นห่วง ยอดผู้ติดเชื้อโควิดแนวโน้มพุ่ง

 

 

สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นรายงานว่า ในการริเริ่มโครงการ Go To Travel เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศใช้งบประมาณ 1.35 ล้านล้านเยน เพื่ออุดหนุนค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวราว 50% ซึ่งรวมถึงค่าที่พักและค่าเดินทาง

การตัดสินใจระงับโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์ในช่วงที่ปกติแล้วจะเป็นช่วงที่มีการเดินทางและจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดของปีเนื่องจากเป็นเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เนื่องจากช่วงเวลานี้สมาชิกในครอบครัวจะนัดหมายรวมตัวสังสรรค์กัน ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  

ญี่ปุ่นเบรกเอี๊ยดโครงการ Go To Travel ทั่วประเทศ หลังโควิดพุ่งต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมาโดยหนังสือพิมพ์ไมนิชิซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นพบว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศซึ่งผลักดันโดยรัฐบาลนายซูงะ (ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนก.ย.) แม้จะมีเป้าหมายที่ดี แต่ก็เสี่ยงต่อการส่งเสริมให้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มากขึ้น ความวิตกกังวลดังกล่าวทำให้คะแนนความนิยมในคณะรัฐบาลของเขาลดลงมาเหลือเพียง 40 % จากที่เคยมีในระดับ 57% ในเดือนพ.ย.

 

มีผู้ตอบคำถามการสำรวจเพียง 14% เท่านั้น ที่ระบุว่าพอใจในผลงานของรัฐบาลในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับเป็นอัตราที่ลดลงจากการสำรวจในเดือนพ.ย.ถึง 20%  ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ธ.ค.) ญี่ปุ่นมียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่ระดับ 3,000 รายเป็นครั้งแรก สะท้อนภาวะการแพร่ระบาดที่ยังน่าวิตก

 

นายทาคาฮิเดะ คิอุชิ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยโนมูระ ชี้ว่า การระงับโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวครั้งนี้ แม้จะเป็นการระงับชั่วคราว แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่กำลังประสบภาวะหดตัวในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ต้องเผชิญความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยเชื่อว่าการระงับโครงการ Go To Travel เป็นเวลา 2 สัปดาห์จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคญี่ปุ่นเหือดหายไป 89,300 ล้านเยน หรือประมาณ 861 ล้านดอลลาร์สหรัฐ