ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ พ่ายแพ้การเลือกตั้ง จากการนับผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ทำให้เขาส่อแววหลุดจากตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ได้ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ว่าเขาสั่งยุติการทำงานของนายมาร์ก เอสเปอร์ ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมแล้ว และให้มีผลในทันที โดยไม่ได้ให้เหตุผล
ความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์ครั้งนี้ ถือว่าแหวกธรรมเนียมปฏิบัติที่ประธานาธิบดีซึ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้ง มักจะให้รัฐมนตรีกลาโหมอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่ประธานาธิบดีลงจากตำแหน่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพในนามของความมั่นคงของชาติ
สื่อต่างประเทศระบุว่า ถึงแม้จะพ่ายแพ้การเลือกตั้ง และจะต้องสละตำแหน่งประธานาธิบดีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังคงแสดงให้เห็นว่า เขายังคงทำงานอยู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า เรื่องนี้ผิดไปจากธรรมเนียมปฏิบัติของประธานาธิบดีที่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง เพราะตามปกติ ประธานาธิบดีที่กำลังจะลงจากตำแหน่งมักจะปล่อยให้ประธานาธิบดีคนใหม่ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา เป็นผู้ปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็รวมถึงรัฐมนตรีกลาโหมด้วย
แต่สำหรับทรัมป์ เขาเลือกที่จะแหวกกฎเกณฑ์ดังกล่าว แม้กระทั่งการประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณะ เขายังเลือกที่จะประกาศผ่านทวิตเตอร์ สื่อโซเชียลมีเดียยอดนิยม โดยข้อความระบุว่า" ให้มีผลในทันที และขอแต่งตั้งให้นายคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ เข้ามาทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีกลาโหม” ซึ่งการแต่งตั้งดังกล่าวถือเป็นการให้บุคลากรนอกองค์กรเข้ามาปาดหน้าตำแหน่งซึ่งควรจะเป็นของนายเดวิด นอร์ควิสต์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม
ทรัมป์ยังทวีตด้วยว่า " คริสจะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม!" " มาร์ค เอสเปอร์ถูกปลด และผมอยากจะขอบคุณเขาสำหรับการทำงานรับใช้ชาติที่ผ่านมา"
ข่าวระบุว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน ทรัมป์และมาร์ก เอสเปอร์มีเรื่องไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับการนำกำลังทหารมาใช้ในการควบคุมฝูงชนและการชุมนุมเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคดีนายจอร์จ ฟลอยด์ ในช่วงกลางปี แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนี้จะนำมาสู่การปลดฟ้าผ่าทั้ง ๆที่ทรัมป์ใกล้จะหมดวาระดำรงตำแหน่งแล้ว และที่สำคัญคือทรัมป์เองก็ไม่ได้ให้เหตุผล ว่าเพราะอะไรเขาจึงปลดนายเอสเปอร์
ด้านนายมาร์ก เอสเปอร์เอง ได้เขียนจดหมายลาออก เนื้อหาระบุว่า เขาขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกเหล่าทัพ เขาเองมีความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานรับใช้ชาติที่เพนตากอน (กระทรวงกลาโหมสหรัฐ) ตลอดช่วงเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา
นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐและเป็นสมาชิกอาวุโสพรรคเดโมแครต แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า การไล่ออกรมว.เอสเปอร์อย่างกะทันหัน เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์ ตั้งใจที่จะใช้วันเวลาที่เหลืออยู่อีกไม่มากนักในตำแหน่งประธานาธิบดี สร้างความยุ่งเหยิงวุ่นวายทิ้งเอาไว้ให้กับระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐและทั่วโลก